ท่านใดมี Facebook ขอความกรุณากด Like ให้ด้วยนะครับผม
ลิ้งค์ผู้สนับสนุน
แสดงกระทู้
หน้า: [1 ] 2 3 ... 7
8
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / เทคนิคเช็คสภาพลมยางอย่างง่าย
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2014, 08:27:08 AM
หน้าร้อนอย่างนี้หลายๆ คนคงกำลังวางแผนขับรถไปท่องเที่ยว เพื่อคลายร้อนกันที่ไหนซักแห่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางแบบใกล้ๆ หรือเดินทางแบบไกลๆ การตรวจเช็คยานพาหนะให้พร้อมก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะการตรวจเช็คลมยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การขับขี่มีความปลอดภัย
รู้ไว้ได้ประโยชน์...เทคนิคเช็คสภาพลมยางอย่างง่าย โตโย ไทร์ (ประเทศไทย) หนึ่งในผู้นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยียางรถยนต์ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะจากญี่ปุ่นมีข้อแนะนำในการตรวจเช็คสภาพลมยางรถยนต์แบบง่ายๆ ที่หลายคนอาจยังไม่เคยทราบมาก่อน เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่มาฝากไว้เป็นความรู้ ดังต่อไปนี้
จะเช็คลมยางบ่อยแค่ไหนดี โดยปกติลมยางจะลดลงโดยตัวมันเองประมาณ 2-3 ปอนด์ ต่อตารางนิ้วต่อเดือน ดังนั้นจึงควรเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง ในขณะที่ยางยังเย็นอยู่
รู้หรือไม่ : ควรเติมลมเมื่อยางเย็น ควรเช็คลมยางก่อนการใช้งานหรือในขณะที่ยางเย็น เพราะจะได้ค่าความดันลมยางที่คงที่ ขณะเดียวกันหากจำเป็นต้องเติมลมหลังใช้งานหรือในขณะที่ยางร้อน ควรเติมลมเพิ่มขึ้นอีก 2 ปอนด์เพื่อชดเชยความดันอากาศที่ขยายตัวภายในยาง
สูบลมยางมากกว่ากำหนด ลดอายุการใช้งาน การสูบลมยางมากกว่ากำหนด นอกจากจะทำให้ดอกยางสึก เกิดการลื่นไถลได้ง่าย แล้วยังจะทำให้อายุยางลดลง และความนุ่มนวลในการขับขี่ลดลงด้วย
เตือนความจำ ห้ามลดแรงดันลมยางหรือห้ามปล่อยลมออกในขณะที่ยางร้อน เพราะโดยปกติแล้ว เมื่อรถวิ่งไปได้ซักระยะแรงดันลมยางจะเพิ่มขึ้นจากความร้อนในขณะขับเคลื่อน
หมั่นสังเกตว่าจุ๊บเติมลม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ยังอยู่ในสภาพดีไม่มีสนิม หรือสิ่งสกปรก ควรทำการเปลี่ยนจุ๊บเติมลมใหม่ทุกครั้ง หากมีการเปลี่ยนยาง
การที่แรงดันลมยางอ่อนเกินไป หรือบรรทุกน้ำหนักที่มากเกินไป จะส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มอุณหภูมิของยาง ซึ่งนับเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ยางเกิดข้อผิดพลาดต่างๆ จนอาจมีผลทำให้เกิดอุบัติเหตุ และ/หรือบาดเจ็บสาหัส จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ การตรวจเช็คลมยางให้มีความเหมาะสมและสมบูรณ์ก่อนออกเดินทาง นอกจากจะช่วยให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้เกิดความนุ่มนวลในการขับขี่ และช่วยยืดอายุการใช้งานของยางให้ยาวนานขึ้นได้ด้วย
ที่มา : บริษัท โตโย ไทร์ (ประเทศไทย) จำกัด
9
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Altis Club โตโยต้า อัลติสคลับ / โคโรลล่า อัลติส ใหม่ …So Excited…
เมื่อ: มีนาคม 30, 2014, 06:23:52 PM
โคโรลล่า อัลติส ใหม่ …So Excited…
เปิดตัวออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส” โฉมใหม่ล่าสุด ที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ใช้เป็นรถธงในการทำตลาดรถยนต์นั่งของเมืองไทย
อัลติสใหม่นี้ได้รับการปรับปรุงโฉมให้ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยหวังจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่อายุลดลงกว่าอัลติสรุ่นเดิม ขณะที่ยังคงกลุ่มลูกค้าวัยทำงานเช่นเดิมไว้ด้วย
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เสี่ยโจ-ประพันธ์ จันทร์วัฒนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เชิญชวนสื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบและสัมผัสรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ โดยใช้เส้นทางกรุงเทพ-พัทยา มีจุดหมายอยู่ที่ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค
เรานัดพบกันที่โรงงานสำโรง ซึ่งใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการทดสอบในครั้งนี้ ก่อนการเดินทางมีการบรรยายสรุปข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์โดย “มานิต เกียรติสุขอุดม” ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ ที่ได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นของอัลติสใหม่ว่า
รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการแบบใหม่ในทุกมุมมอง ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ตามหลักอากาศพลศาสตร์ มิติตัวรถมีความกว้างใหญ่มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ความสูงถูกปรับลดต่ำลง รูปลักษณ์ดีไซน์สปอร์ตรอบคัน กระจังหน้าดีไซน์ใหม่เชื่อมต่อกันชนหน้าด้วยลายเส้นรูปตัว T ที่สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ชุดไฟหน้า LED โปรเจกเตอร์ พร้อมเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ และไฟท้าย LED แบบ Surface illumination ดีไซน์ใหม่ที่ดูเรียวงามคมเข้ม พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 16 นิ้ว ที่ให้อารมณ์สปอร์ตโฉบมากขึ้นกว่าเดิม
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้กว้างขวางขึ้น ด้วยการเพิ่มความยาวช่วงล้อขึ้น 100 มิลลิเมตร ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดความยาวเพิ่มขึ้นอีก 80 มิลลิเมตร และกว้างกว่าเดิม 15 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับผู้โดยสารด้านหลังมีความกว้างขวาง ห้องโดยสารภายในมีให้เลือก 3 โทนสี ได้แก่ สีดำ สีเบจ และสีเทา ที่ให้ทั้งอารมณ์แตกต่างกันไป
จากนั้นก็มีการบรรยายข้อมูลทางด้านเทคนิค โดย “มนัส ดาวมณี” ผู้อำนวยการฝ่ายบริการด้านเทคนิค ที่สรุปสั้นๆ ว่า อัลติสใหม่ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะได้ดีกว่ารุ่นที่ผ่านมา โดยสามารถเลือกใช้น้ำมัน E85 ได้ ซึ่งทางโตโยต้าได้มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนหลายชิ้นให้สามารถรองรับน้ำมันนี้ ตั้งแต่ชิ้นส่วนในลูกสูบ ท่อน้ำมัน จนถึงถังน้ำมัน เพื่อให้เกิดความทนทานในการใช้งาน และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
ขณะที่เครื่องยนต์ระบบวาล์วอัจฉริยะ Dual VVT-i ซึ่งจะปรับจังหวะเปิด-ปิดวาล์วไอดีและไอเสียแบบแปรผัน ให้สอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีอัตราเร่งที่ดี ประหยัดน้ำมันและช่วยลดมลพิษ และเป็นเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุดในเซกเมนท์นี้
ส่วนระบบเกียร์ CVT ก็เป็นเกียร์ที่ดีที่สุดในเซกเมนท์ ที่ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล ที่เป็นสไตล์ของโตโยต้า และยังเป็นเกียร์ที่สามารถะซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ได้ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้น
หลังจากฟังการบรรยายสรุปเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็เข้าประจำในตำแหน่งคนขับของรถแต่ละคัน ซึ่งการเดินทางในทริปนี้ ทางโตโยต้าได้จัดรถอัลติสใหม่ รุ่น 1.8 V Navi เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-I ไว้ให้ 8 คันด้วยกัน
ในครั้งนี้ใช้เส้นทางวงแหวนอุตสาหกรรมไปเชื่อมกับถนนมอเตอร์เวย์ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังไร่องุ่นซิลเวอร์เลค
สัมผัสแรกของอัลติสใหม่ ให้การตอบสนองการขับขี่ได้อย่างใจ การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่นนวล ทั้งขณะใช้ความเร็วสูงและความเร็วต่ำ
ตลอดเส้นทางของการเดินทางเป็นไปอย่างสนุกและเร้าใจ อัตราการบริโภคน้ำมันที่ทำได้อยู่ที่ 12 กม./ลิตร ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยสำหรับการวิ่งความเร็วสูงนอกเมือง
มั่นใจว่าถ้าใช้ในเมือง อัลติสใหม่ น่าจะให้อัตราประหยัดที่ดีขึ้นกว่านี้ โดยโตโยต้าเคลมไว้ว่า สามารถทำได้ถึง 15.57 กม./ลิตร เมื่อเติมน้ำมัน E10 เลยทีเดียว
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก สำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์นั่งขนาดกลาง มาเป็นเพื่อนคู่ใจซักคัน..!!!
10
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Camry Club โตโยต้า แคมรี่ คลับ : All New Camry / โตโยต้า คัมรี 2.0G และ 2.5G ใหม่ พร้อมรุ่นพิเศษ 2.0 G แต่ง Extremo
เมื่อ: มีนาคม 30, 2014, 06:16:27 PM
โตโยต้า คัมรี 2.0G และ 2.5G ใหม่ พร้อมรุ่นพิเศษ 2.0 G แต่ง Extremo
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำสุดยอดรถซีดานสุดหรู “คัมรี” 2.0G และ 2.5G รุ่นปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยครบครัน พร้อมแนะนำรุ่นพิเศษ 2.0G Extremo เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบความโดดเด่นเป็นพิเศษ มีเอกลักษณ์ความสปอร์ตเฉพาะตัว โดยปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกและออกแบบตกแต่งภายในใหม่ ให้มีความปราดเปรียว และดูสปอร์ตคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
คัมรีรุ่น 2.0G และ 2.5G รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2557
เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ ควบคุมการล็อกและปลดล็อกประตูอัจฉริยะ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ ที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้เพียงกดปุ่ม ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบที่ช่วยรักษาระดับความเร็วในการขับขี่ให้คงที่ พร้อมเพิ่มและปรับลดความเร็ว โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ทางไกลเป็นระยะเวลานาน ระบบควบคุมการทรงตัว ช่วยรักษาการทรงตัวและเสถียรภาพของรถเพิ่มความมั่นใจทุกการเข้าโค้ง และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ช่วยควบคุมและป้องกันการเกิดล้อหมุนฟรี ซึ่งเป็นสาเหตุของการลื่นไถลทำให้รถเสียการทรงตัว
คัมรีรุ่น 2.0G Extremo
ภายนอกโฉบเฉี่ยว เร้าใจ พิเศษเฉพาะตัว ให้ความรู้สึกที่เหนือใคร ไฟหน้าและไฟท้ายรมดำ ได้รับการตกแต่งแบบแนวสปอร์ต ดูสวยเข้ม ชุดแต่งรอบคัน สเกิร์ตกันชนหน้า-หลัง สเกิร์ตข้างซ้าย-ขวา และสปอยเลอร์หลัง พร้อมกระจังหน้าพื้นสีดำ บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความสปอร์ต เฉพาะตัว ได้เป็นอย่างดี ระบบไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบ LED Daytime Running Lights ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว เพิ่มความปลอดภัย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/55/R17 เข้มเต็มอารมณ์สปอร์ต สัญลักษณ์ “Extremo” บริเวณฝากระโปรงหลัง และสเกิร์ตด้านข้าง ยกระดับความสปอร์ตแบบเต็มขั้น
ภายใน โดดเด่น หรูหรา ให้อารมณ์สปอร์ต ที่ไม่ซ้ำใคร ภายในสีดำ เพิ่มความหรูหราด้วยการเดินด้ายสีเงิน ที่เบาะนั่ง พวงมาลัย ที่พักแขน เครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัส พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ AUX, USB และระบบนำทางที่รองรับ Smart G-Book เพลิดเพลินในทุกการเดินทาง ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ที่พวงมาลัย เพิ่มขีดความสามารถของการสื่อสารให้สะดวกปลอดภัยยิ่งขึ้น กล้องมองหลัง ในขณะถอยรถ ช่วยให้ถอยจอดได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัยยิ่งขึ้น แผงคอนโซลหน้าลายไม้ดีไซน์พิเศษแบบ Extremo ไฟส่องสว่างที่ประตูคู่หน้าพร้อมสัญลักษณ์ Extremo สะท้อนเอกลักษณ์แห่งความสปอร์ตหรู และ พรมปูพื้นสีดำ ดีไซน์พิเศษเอกลักษณ์เฉพาะ Extremo
โตโยต้า คัมรี 2.0G และ 2.5G รุ่นปรับปรุงใหม่ มี 2 สี คือสีขาวมุก และสีดำ ราคาจำหน่าย รุ่น 2.5 G ราคา 1.509 ล้านบาท รุ่น 2.0G Extremo ราคา 1.359 ล้านบาท และรุ่น 2.0G ราคา 1.279 ล้านบาท
11
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / โตโยต้าปลูกป่าชายเลนปีที่ 10
เมื่อ: มีนาคม 30, 2014, 06:13:04 PM
โตโยต้าปลูกป่าชายเลนปีที่ 10
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ นายเอกชัย รัตนชัยวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ นายตรีรัช ภูคชสารศิลป์ ผู้อำนวยการมูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) นำคณะอาสาสมัครอันประกอบด้วย ตัวแทนจากกลุ่มพนักงานโตโยต้า เครือข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกับโตโยต้า สมาชิกชมรมโตโยต้าจิตอาสา สมาชิกเครือข่าย Toyota CSR Facebook สมาชิกโตโยต้าคาร์คลับ และประชาชนทั่วไป ร่วมกิจกรรม “โตโยต้าปลูกป่าชายเลนปีที่ 10” ปลูกพันธุ์ไม้ชายเลน 60,000 ต้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จ.สมุทรปราการ
กิจกรรมโตโยต้าปลูกป่าชายเลน เป็นหนึ่งกิจกรรมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการขยายเครือข่ายดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการ Toyota Eco Network เครือข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นศูนย์กลางเครือข่ายทำความดีสำหรับผู้ที่สนใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม ให้ได้มีโอกาสร่วมแสดงพลังและความคิดสร้างสรรค์ในการดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกัน โดยกิจกรรมโตโยต้าปลูกป่าชายเลน เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กรมพลาธิการทหารบก กองทัพบก และมูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์ป่าชายเลนปากแม่น้ำผืนสุดท้ายของภาคกลาง ให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีสภาพเหมาะแก่การอยู่อาศัยให้แก่สัตว์ในระบบนิเวศชายเลน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้อาสาสมัครจากภาคส่วนต่างๆ อาทิ พนักงานโตโยต้าและครอบครัว ตัวแทนบริษัทในเครือ ผู้แทนจำหน่าย ผู้ผลิตชิ้นส่วน ลูกค้า กลุ่มสมาชิก Toyota CSR Facebook และ e-toyota club ตลอดจนประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสร่วมแสดงพลังในการตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยกิจกรรมโตโยต้าปลูกป่าชายเลนนี้ ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ซึ่งภายหลังจากที่กิจกรรมในวันนี้เสร็จสิ้นลง จะส่งผลให้ต้นกล้าชายเลนจากความร่วมมือของ Toyota Eco Network มีจำนวนรวมกว่า 360,000 ต้น ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 5,000 ตันต่อปี
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ กล่าวว่า ขอขอบคุณบรรดาจิตอาสาทุกท่านที่ให้ความสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมกับเครือข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกับโตโยต้า โดยกิจกรรมโตโยต้าปลูกป่าชายเลน ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) ในปีนี้ถือเป็นการดำเนินกิจกรรมครบ 1 ทศวรรษ ที่ได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลนกันมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผืนป่าชายเลนที่ได้ร่วมกันปลูกตั้งแต่ปีที่ 1 เติบโตขึ้นจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกคน ซึ่งทำให้เกิดเป็นแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตในป่าชายเลน รวมทั้งยังสามารถลดการกัดเซาะผืนดินจากน้ำทะเลได้อีกด้วย
12
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / โตโยต้า ปิดโรงงานในออสเตรเลีย
เมื่อ: มีนาคม 30, 2014, 06:01:35 PM
ค่ายโตโยต้า ประกาศอย่างเป็นทางการที่จะหยุดสายพานการผลิตรถยนต์ทุกชนิดในออสเตรเลีย ภายในสิ้นปี 2560 ขณะที่ผู้ผลิตสัญชาติออสเตรเลีย อย่าง โฮลเด้น ในเครือเจเนอรัล มอเตอร์ และฟอร์ด ก็มีแผนที่จะหยุดสายพานการผลิตในช่วงเวลาเดียวกัน
ปัจจุบัน โตโยต้า ขึ้นสายการผลิต คัมรี่, คัมรี่ ไฮบริด และซีดาน ออเรียน ในโรงงานอัลโตน่า ชานเมืองเมลเบิร์น รวมทั้งโรงงานประกอบเครื่องยนต์สี่สูบที่จะหยุดประกอบในสิ้นปีหน้า แม้ว่าก่อนหน้านี้ผลประกอบการจะมีกำไร แต่ก็เริ่มแสดงอาการขาดทุนติดต่อกันมาหลายปี เมื่อหยุดการประกอบ โตโยต้าจะยังคงสั่งนำเข้าจากแหล่งการผลิตในประเทศอื่นมาจำหน่ายต่อไป
โตโยต้า ระบุว่า มีหลายองค์ประกอบที่ใช้ในการตัดสินใจ ตั้งแต่สภาพตลาด สภาวะเศรษฐกิจ ที่ค่าเงินออสเตรเลียแข็งค่า ต้นทุนสูง และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ กำแพงภาษีที่ลดลง ทำให้การนำเข้ามีราคาถูกกว่าในอดีตอย่างมาก ที่ทำให้สินค้าในหลายประเภทเปลี่ยนจากการสั่งผลิตภายในประเทศเป็นการสั่งนำเข้าแทน และการเปิดเสรีทางการค้าที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศต่างๆ หลายประเทศจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าบางประเภทได้อย่างเสรี โดยไม่มีกำแพงภาษี ในอนาคต โดยที่ประเทศญี่ปุ่นก็จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกัน
แมกซ์ ยาซูด้า ประธานโตโยต้า ออสเตรเลีย ยอมรับว่า นี่เป็นข่าวร้ายสำหรับพนักงานที่ทำงานอุทิศตัวให้กับ โตโยต้า มานานนับศตวรรษ ระหว่างความพยายามในการปรับเปลี่ยนธุรกิจช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็ได้รับความร่วมมือจากพนักงานเหล่านี้เป็นอย่างดี ยิ่งทำให้ยากลำบากในการประกาศหยุดสายพานการผลิตครั้งนี้อย่างมาก
พนักงานลูกจ้างในสายการผลิตราว 2,500 คน ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเมื่อโรงงานกำหนดหยุดการผลิตในปี 2560 นี้ รวมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานอีกจำนวนหนึ่ง ที่ประเมินกันว่าการหยุดสายพานการผลิตหนนี้ ลูกจ้างพนักงานจะได้รับผลกระทบมากกว่า 30,000 ตำแหน่ง
ค่ายมิตซูบิชิ หยุดสายการผลิตเป็นเจ้าแรก เมื่อปี 2551 และเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน ค่ายฟอร์ด ก็ประกาศหยุดสายการผลิตภายในปี 2559 พอถึงเดือนธันวาคม จีเอ็มก็ประกาศจะหยุดการผลิตภายในปี 2560 อีกเจ้าหนึ่ง ขณะที่ โตโยต้า ใช้ความพยายามร่วมกับผู้ผลิตชิ้นส่วน หาทางที่จะประกอบต่อไปให้ได้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องยอมประกาศหยุดสายการผลิตดังกล่าว
ที่มา : banmuang.co.th/
20
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / เบรกแตกทำไงดี !!!
เมื่อ: มิถุนายน 09, 2013, 09:33:23 AM
รถยนต์ทุกรุ่นในปัจจุบัน ใช้น้ำมันเบรกเป็นตัวถ่ายทอดแรงดันระหว่างการกดของเท้าไปยังผ้าเบรก เสมือนเป็นระบบไฮดรอลิกส์ชนิดหนึ่ง ดังนั้น จึงอาจมีการรั่วซึมขึ้นได้จากการรั่วของลูกยางตัวใดตัวหนึ่งหรือท่อน้ำมันเบรกรั่ว การถ่ายทอดแรงดันก็จะสูญเสียลงไป
ระบบเบรกมักแบ่งการทำงานออกเป็น 2 วงจร อาจเป็นแบบล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง หรือเป็นแบบไขว้ล้อหน้าซ้าย-ล้อหลังขวา และล้อหน้าขวา-ล้อหลังซ้าย เผื่อว่าวงจรใดวงจรหนึ่งชำรุด เพื่อให้ระบบยังมีประสิทธิภาพการทำงานหลงเหลืออยู่บ้าง
ดังนั้น เมื่อเบรกแตกหรือน้ำมันเบรกเกิดการรั่ว ส่วนใหญ่มักหลงเหลือประสิทธิภาพการทำงานอยู่หลายสิบเปอร์เซ็นต์ หรืออีกไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งในอีกวงจร
สิ่งสำคัญตั้งสติให้มั่นคง เมื่อเหยียบแป้นเบรกลงไปแล้วลึกต่ำกว่าปกติ ต้องเหยียบซ้ำแรงๆ และถี่ๆ เพื่อใช้แรงดันในวงจรที่เหลือยู่ ผ้าเบรกจะได้สร้างแรงเสียดทานขึ้นมาบ้าง พร้อมกับการลดเกียร์ต่ำครั้งละ 1 เกียร์ จนกว่าจะถึงเกียร์ต่ำสุด แล้วค่อยใช้เบรกมือช่วย โดยการกดปุ่มล็อกค้างไว้ให้สุด เพื่อไม่ให้เบรกจนล้อล็อก ดึงขึ้นแล้วปล่อยสลับกันไป เพื่อลดความเร็ว
ถ้าระบบเบรกชำรุดทุกวงจร ต้องใช้การลดเกียร์ต่ำช่วยเป็นหลัก แล้วค่อยดึงเบรกมือช่วย เมื่อไล่ลงจนถึงเกียร์ต่ำสุดแล้ว
รถยนต์ที่ใช้ระบบเบรกที่มีเอบีเอส ถ้าต้องการเบรกกะทันหัน อย่าเหยียบแล้วปล่อยสลับกันถี่ๆ แบบเทคนิคการเบรกในยุคเก่า เพราะเอบีเอสจะตัดการทำงาน และไม่สามารถป้องกันการล้อล็อกได้ ต้องเหยียบลงไปให้แน่นๆ แล้วควบคุมพวงมาลัยไปยังทิศทางที่ควรจะไป นั่นคือวิธีที่ถูกต้องเมื่อต้องเบรกกะทันหันในรถยนต์ที่มีเอบีเอส
ที่มา : คอลัมน์ คาร์ทิปส์ รถยนต์ มติชน 27 พ.ค. 2556
21
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / โตโยต้าจี้รัฐสกัดค่าบาทหลุด29 จับมือผู้ผลิตลดต้นทุนเร่งส่ง"วีออส"ใหม่กวาดยอด
เมื่อ: มีนาคม 31, 2013, 09:10:25 PM
"โตโยต้า" เผยจับมือผู้ผลิตชิ้นส่วนลดต้นทุน หลังค่าบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ชี้พร้อมรับมือแบบสเต็ปบายสเต็ป หากทะลุ 29 บาท อาจจะต้องให้รัฐเข้ามาดูแล ชี้หลังส่งวีออสใหม่ ลุยตลาด คาดขาย "หมื่น" คันต่อเดือน เคาะราคาเริ่มต้น 5.59 แสน
นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชียแปซิฟิค เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องว่า ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการระดับหนึ่ง แต่ถือว่ายังเป็นสถานการณ์ที่พอรับไหว โดยขณะนี้อยู่ที่ระดับ 29.1-29.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งโตโยต้าได้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนเพื่อลดความสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่งผลให้ต้นทุนต่ำลงได้มากซึ่งหากอัตราค่าเงินบาทขยับเป็น 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐนั้น ถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง และอาจจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของค่ายรถยนต์และบริษัทชิ้นส่วน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นภาคเอกชนอาจจะต้องให้รัฐบาลเข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่เบื้องต้นวันนี้ผู้ประกอบการยังสามารถดูแลตัวเองได้
"ตอนนี้เราได้ใช้วิธีการลดความสูญเสียหรือที่เรียกว่า มุดะ จากเดิมที่เราลดค่าความสูญเสียได้ที่ 90% มาเป็น 97% และเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้เราจะลดความสูญเสียดังกล่าวเป็น 98% ซึ่งวันนี้หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกเราก็คงจะลำบาก"
พร้อมกันนี้บริษัทได้เปิดตัวรถยนต์นั่งขนาดเล็กอย่าง โตโยต้า วีออส ใหม่ ภายใต้แนวคิด All New VIOS Have it all ครั้งแรกของโลกขึ้นในประเทศไทย โดยตั้งเป้ายอดการจำหน่ายไว้ที่ 10,000 คันต่อเดือน และคาดว่าจะมีการส่งออกทั้งปีอีก 45,000 คัน
วีออสใหม่ ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และเป็นดีไซน์ที่ดูสปอร์ตหรูมากยิ่งขึ้น ทั้งภายนอกและภายใน ห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าเดิม และห้องเก็บสัมภาระที่ใหญ่มากขึ้น สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น พร้อมช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ยังช่วยเพิ่มความสุขในการขับ
ด้านนายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมที่จะส่งมอบวีออส ใหม่ นั้นจะสามารถส่งมอบได้ตั้งแต่ในเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป ส่วนโตโยต้า วีออส รุ่นเดิมนั้นยังมีเหลืออยู่บ้างในจำนวนที่พอดี ซึ่งคาดว่าเมื่อบริษัทส่งวีออส ใหม่ ออกสู่ตลาดแล้ว สต๊อกและความต้องการจะสอดรับกันกับวีออส ใหม่ อย่างพอดี
"เราจะเริ่มทยอยส่งวีออสใหม่ไปยังโชว์รูมทั่วประเทศในเดือนหน้านี้ ตอนนี้เราได้เริ่มเครื่องสายการผลิตในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยช่วงเดือนแรกอาจจะผลิตได้ 9,000 คัน เนื่องจากในเดือนเมษายนเป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างเยอะ แต่หลังจากนั้นเราจะผลิตเต็มกำลัง และเชื่อว่าจะมียอดขาย 10,000 คันต่อเดือนอย่างแน่นอน ส่วนวีออสรุ่นเดิมนั้นก็จะหมดในเดือนหน้าพอดี"
หลังจากเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ตัดสินใจเปิดตัววีออส ใหม่ ในลักษณะซอฟต์ลอนช์ เพื่อให้ลูกค้าที่มีสิทธิ์จากโครงการรถคันแรกได้รักษาสิทธิ์ของตัวเองเอาไว้
ส่วนปัญหาเรื่องลูกค้าคืนใบจอง และมีลูกค้าบางกลุ่มที่ไม่ผ่านไฟแนนซ์นั้น อาจจะมีอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่ต่างจากค่ายรถยนต์ค่ายอื่น ๆ ซึ่งมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มวีออสเก่าอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนวีออส ใหม่นั้นคาดว่าจะสามารถส่งมอบได้ในเดือนพฤษภาคมนี้
พร้อมกันนี้ บริษัทจะเริ่มโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้รับทราบอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถรับชมและสัมผัสกับวีออส ใหม่ ได้ทุกมุมในแบบ 360 องศา ผ่านสื่อดิจิทัลในเว็บไซต์ และยังมีการจัดกิจกรรมการเปิดตัววีออส ใหม่ อย่างเป็นทางการที่โชว์รูมโตโยต้าทั้ง 364 แห่งทั่วประเทศ ในวันที่ 10-12 พฤษภาคมนี้ รวมถึงกิจกรรมโรดโชว์ในจังหวัดต่าง ๆ จัดเตรียมรถทดลองขับไว้ให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่กันอย่างทั่วถึง
โดยวีออส ใหม่นี้จะมีให้เลือกถึง 6 รุ่น 7 สี คือ สีแดง..Red Mica Metallic ใหม่, สีน้ำตาล..Quartz Brown Metallic ใหม่, สีทอง..Silky Beige Metallic ใหม่, สีเทา..Grey Metallic, สีขาว..Super White, สีเงิน..Silver Metallic, สีดำ..Attitude Black Mica ราคาเริ่มต้นที่ 559,000-734,000 บาท
ที่มา :
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1364448185
22
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / นายกฯเยี่ยมชมสายผลิตรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์
เมื่อ: มีนาคม 31, 2013, 09:06:02 PM
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เยี่ยมชมสายการผลิตรถยนต์ โรงประกอบโตโยต้า เกตเวย์ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา โดย นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมประชุมพร้อมส่วนราชการจังหวัด ได้กล่าวว่า จังหวัดฉะเชิงเทรา เตรียมความพร้อมกับการเข้าสู่ AEC ทางจังหวัด มีภาคอุตสาหกรรม ทั้งหมด 180 โรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดข้าวหอมมะลิของไทย ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.สัญจร ครั้งนี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 106 ล้านบาท รวม 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงเส้นทางเชื่อมโยงการเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ 44 ล้านบาท โครงการเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.ฉะเชิงเทรา 50 ล้านบาท และโครงการราคาเสถียรภาพต้นทุนการผลิตไข่ไก่ 12 ล้านบาท และขออนุมัติในหลักการงบประมาณนอกกรอบวงเงินอีก 100 ล้านบาท ด้วย จากนั้นได้เข้าเยี่ยมชม โรงสีข้าวรัชมงคล ซึ่งเป็นโรงสีข้าวตามแนวพระราชดำริ โดยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรับซื้อข้าวเปลือก จากเกษตรกรโดยตรง มาทำการสีและจำหน่ายในราคาที่เหมาะสมตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดย นายกรัฐมนตรีและคณะได้ร่วมกันปลูกข้าวแบบนาโยนในแปลงนาสาธิต นาสวนรัชมงคล ด้วย
ที่มา :
http://news.sanook.com/1177465/
23
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Vios Club โตโยต้า วีออสคลับ www.viosclub.net / เปิดตัว All new vios หรือ New Vios 2013
เมื่อ: มีนาคม 24, 2013, 06:38:10 AM
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด / กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชียแปซิฟิค / เจ้า หน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วย มร.ทาเคชิ มัตซึดะ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวแนะนำรถยนต์ “วีออส” ใหม่ ภายใต้แนวคิด All New VIOS…Have it all
วีออส ถือเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญที่สุดรุ่นหนึ่งในกลุ่มรถยนต์นั่งของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ใช้ชื่อรุ่นในเจนเนอเรชั่นที่ 1 ว่า “ โซลูน่า ” โดยเป็นรถที่เกิดจากการร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาของวิศวกรชาวไทยและชาวญี่ปุ่น เพื่อตลาดรถยนต์เมืองไทยโดยเฉพาะ จนกระทั่งได้รถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีความประหยัด คุ้มค่าสูงสุดในการเป็นเจ้าของ ได้รับการแนะนำเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ.2540 พร้อมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทย และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
all new vios have it all
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “วันนี้เรามีความภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้แนะนำรถยนต์ วีออส ใหม่ สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยแห่งนี้ โดย วีออส ใหม่ ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้เป็นสุดยอดยนตรกรรมคุณภาพมาตรฐานระดับโลกที่ เหนือทุกความคาดหมายและตอบสนองต่อทุกความต้องการ ซึ่งนอกเหนือจากความคุ้มค่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์และจุดแข็งของวีออสอยู่แล้ว วีออสรุ่นนี้ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบเป็นอย่างมาก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน พื้นที่กว้างขวางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมสมรรถนะการขับขี่และความประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า วีออส ใหม่ จะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ของโตโยต้าในปีนี้ และสามารถครองความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งเมืองไทยได้อย่างแน่นอน”
มร.ทาเคชิ มัตซึดะ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า “ทีม วิศวกรโตโยต้าได้สร้างสรรค์ วีออส ใหม่ โดยมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาเพื่อให้เป็นรถยนต์ที่มีความคุ้มค่าเหนือราคา สร้างความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ ภายใต้แนวคิด “ Value Beyond Belief ” ด้วย การออกแบบรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และเป็นดีไซน์ที่ดูสปอร์ตหรูมากยิ่งขึ้น ทั้งภายนอกและภายใน ห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าเดิมและห้องเก็บสัมภาระที่ใหญ่มากขึ้น สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น พร้อมช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ยังช่วยเพิ่มความสุขในการขับ ขี่ เกาะถนนดียิ่งขึ้น ตลอดจนประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมันที่ได้มาตรฐานระดับโลก ด้วยคุณสมบัติต่างๆเหล่านี้เชื่อว่า วีออส ใหม่ จะสามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ซึ่งเมื่อทุกคนได้สัมผัส วีออส ใหม่ จะรู้สึกถึงความพึงพอใจและได้รับในสิ่งที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า วีออส ใหม่ จะเป็นรถซีดานขนาดเล็ก ที่ตรงใจไม่เพียงแต่สำหรับลูกค้าชาวไทย แต่ยังเป็นรถยนต์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระดับสากล”
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ด้วยคุณสมบัติของ วีออส ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 4 ของ ตลาดเมืองไทย ซึ่งมีจุดขายใหม่หลักๆที่ถูกเติมเต็มเข้ามา ตามที่คุณมัตซึดะ หัวหน้าวิศวกรได้ให้ข้อมูลไปแล้วนั้น ผนวกกับจุดแข็งเดิมที่วีออสมีอยู่แล้ว ทำให้ วีออส ใหม่ นี้มาพร้อมกับความหลากหลายที่ครบครัน พร้อมตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ โดยเราได้ใช้แนวความคิดในการโฆษณา วีออส ใหม่ นี้ว่า “All New VIOS, Have it all” ซึ่งจะเริ่ม โฆษณาผ่านสื่อต่างๆให้ลูกค้าได้รับทราบอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้น ไป นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถรับชมและสัมผัสกับ วีออส ใหม่ ได้ทุกมุมในแบบ 360 องศา ผ่านสื่อดิจิตอลในเว็บไซต์อีกด้วย นอกจากนี้ เรายังมีการจัดกิจกรรมการเปิดตัววีออสใหม่อย่างเป็นทางการที่โชว์รูมโตโยต้า ทั่วประเทศในวันที่ 10 – 12 พฤษภาคมนี้ รวมถึงกิจกรรมโร้ดโชว์ในจังหวัดต่างๆ ซึ่งเราได้จัดเตรียมรถทดลองขับไว้ให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ขับ ขี่กันอย่างทั่วถึง โดยวีออสใหม่นี้ จะมีให้เลือกถึง 6 รุ่น 7 สี ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 559,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่คุ้มค่าอย่างมาก”
all new vios have it all
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอก จากผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดภายในประเทศแล้ว ประเทศไทยยังถือเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับการส่งออก วีออส ใหม่ ไปจำหน่ายในทวีปต่างๆ อีกกว่า 80 ประเทศทั่วโลกอีก ด้วย ถือเป็นการขยายตลาดการส่งออก รวมถึงเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมภาคการส่งออกของอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่นเดียวกับการส่งออกรถกระบะในโครงการ IMV โดยได้ตั้งเป้าหมายการส่งออก วีออส ใหม่ ภายในปีนี้ไว้ที่ 45,000 คัน ดังนั้น วีออส ใหม่ จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ความภาคภูมิใจของ โตโยต้า เท่านั้น แต่ยังถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยด้วยเช่นกัน”
“ปีนี้ถือเป็นปีแรกของการก้าวสู่ 50 ปีต่อไป ของโตโยต้าประเทศไทยที่เราตั้งใจที่จะ “ขับเคลื่อนความสุข” หรือ Mobility of Happiness ให้กับลูกค้าและสังคมไทย ซึ่งเราหวังว่า วีออส ใหม่ นี้จะประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมทั้งสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าโตโยต้าทุกคน ในฐานะ “ความสุข” จากโตโยต้า ที่เราตั้งใจมอบให้แก่ทุกคน” มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กล่าวในที่สุด
พบกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ All New VIOS … Have it all
ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 วันที่ 26 มีนาคม – 7 เมษายน 2556
ณ ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ อิมแพค เมืองทองธานี
พร้อมสอบถามรายละเอียด และสั่งจองได้ที่โชว์รูมโตโยต้า 364 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ที่มา :
http://www.toyota.co.th/lite/news-detail.php?cont_id=514 (5)
25
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / กิจกรรมเพื่อสังคม CSR / Toyota Eco Network ขยายเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อมกับกิจกรรม โตโยต้าปลูกป่าชายเลน
เมื่อ: มีนาคม 23, 2013, 02:37:02 PM
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายเอกชัย รัตนชัยวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมทั้ง นายตรีรัตน์ ภูคชสารศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายอนุรักษ์ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) สำนักงานประเทศไทย ร่วมนำคณะอาสาสมัครอันประกอบด้วยตัวแทนจากกลุ่มพนักงาน โตโยต้า คาร์คลับ เครือข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกับโตโยต้า สมาชิกเครือข่าย Toyota CSR Facebook และประชาชนทั่วไป จำนวนกว่า 4,000 คน ร่วมกิจกรรม “ตามรอยล้นเกล้าฯ ด้วยก้าวที่ยั่งยืน โตโยต้าปลูกป่าชายเลนปีที่ 9” ทำการปลูกพันธุ์ไม้ชายเลนจำนวน 59,000 ต้น ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ ในวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม 2556
กิจกรรมโตโยต้าปลูกป่าชายเลน เป็นหนึ่งกิจกรรมภายใต้โครงการ “Toyota Eco Network เครือข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์ป่าชายเลนปากแม่น้ำผืนสุดท้ายของภาคกลางให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีสภาพเหมาะแก่การอยู่อาศัยให้แก่สัตว์ในระบบนิเวศชายเลน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้อาสาสมัครจากภาคส่วนต่าง ๆ ได้แก่กลุ่มตัวแทนพนักงานโตโยต้า สื่อมวลชน ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าและบริษัทในเครือฯ กลุ่มลูกค้า สมาชิกเครือข่าย Toyota CSR Facebook นักเรียนนักศึกษา รวมถึงสาธารณชนทั่วไป ร่วมทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง ณ สถานตากอากาศบางปูตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เพื่อเป็นการถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามแนวพระราชดำริ และเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในเรื่องการอนุรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนปากแม่น้ำผืนสุดท้ายของภาคกลางแห่งนี้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งภายหลังจากที่กิจกรรมวันนี้เสร็จสิ้นลง จะส่งผลให้ต้นกล้าชายเลนที่ครอบครัวโตโยต้าและชุมชนร่วมกันปลูกขึ้นมีจำนวนรวมถึงราว 200,000 ต้น โดยเมื่อต้นกล้าเหล่านี้โตเต็มที่ภายหลังจากผ่าน 3 ปีแรกหลังจากการปลูกไปแล้ว จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 2,500 ตันต่อปี*
นอกจากกิจกรรม โตโยต้าปลูกป่าชายเลนแล้ว โตโยต้า ยังได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาและดำเนินงาน ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) แก่องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) สำนักงานประเทศไทย อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 รวมทั้งสิ้นกว่า 25 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบประมาณสำหรับการจัดสร้างอาคารที่ใช้เป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติ การจัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าเยี่ยมชม เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ คู่มือศึกษาธรรมชาติ ตลอดจนเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานภายในศูนย์ฯ ซึ่งศูนย์ศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจ ได้เข้าทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้ถึงระบบนิเวศของป่าชายเลนอย่างใกล้ชิดและครบวงจร
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กล่าวว่า “ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจ ตลอดจนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกับโตโยต้า กิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) ในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโตโยต้า ที่ได้ร่วมกับ กรมพลาธิการทหารบก และ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ประเทศไทย ในการต่อยอดการทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมพัฒนาการอย่างยั่งยืนของสังคมไทยต่อไป นอกจากนี้ ในปีนี้ ยังถือเป็นการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ของเรา นับตั้งแต่การก่อตั้งองค์กรใน 50 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโตโยต้า มุ่งมั่นที่จะเพิ่มรอยยิ้มแห่งความสุขในสังคมไทยผ่านการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง การส่งเสริมเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศผ่านการจ้างงานและการส่งออก รวมทั้ง การดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสังคมเพื่อสนับสนุนชุมชนให้เกิดความยั่งยืน ผ่านการถ่ายทอดนวตกรรมความรู้ด้านการผลิตและการจัดการของโตโยต้า (Toyota Corporate Social Innovation ) เพื่อพัฒนาการดำเนินธุรกิจของชุมชนอย่างยั่งยืน”
โตโยต้า ขับเคลื่อนความสุข
* ค่าเฉลี่ยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของพันธุ์ไม้ชายเลนยืนต้นโตเต็มที่ อยู่ที่ประมาณ 13 ตันต่อปี ต่อไร่ -- อ้างอิงจาก ICLEI : International Council for Local Environment Initiatives - Local Governments for Sustainability (
www.iclei.org ) สภาสากลที่ว่าด้วยเรื่องของการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นหน่วยงานเพื่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 200 แห่ง จาก 43 ประเทศ
27
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถ / ขั้นตอนการตรวจรับรถใหม่ป้ายแดง
เมื่อ: ธันวาคม 30, 2012, 03:14:14 PM
*รายการตรวจสภาพรับรถใหม่*
1.ตัวถัง
______ 1.1 ดูขอบ, สันข้างรถว่าแนวยังตรงดีอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะระหว่างประตู และตัวถัง
______ 1.2 เปิด/ปิดประตูครบทุกบาน และกระโปรงหน้า-หลัง ได้ดี /ล็อคเด็กประตูหลัง
______ 1.3 มีสนิมบริเวณขอบประตูแต่ละบานหรือไม่
______ 1.4 เห็นรอยสีใหม่พ่นทับสีเก่าในบริเวณขอบประตูหรือไม่ (ถ้ามีขอบยางกันกระแทกลองแง้มดู)
2. กระจก
______ 2.1 กระจกทุกบานขึ้นลงได้สุดหรือไม่ (ถ้าเป็นกระจกไฟฟ้าควรดูเป็นพิเศษ)
______ 2.2 กระจกมีรอยร้าวกกะเทาะหรือไม่อาจจะนําไปสู่การแตกง่ายในอนาคต
______ 2.3 ลวดละลายฝ้ากระจกหลังยังใช้ได้อยู่หรือไม่
______ 2.4 ยางปัดนํ้าฝนต้องเปลี่ยนหรือไม่
______ 2.5 ที่ปัดนํ้าฝนยังใช้งานได้ดี
______ 2.6 ที่ฉีดนํ้าล้างกระจกยังใช้งานได้ดี
______ 2.7 กระจกมองข้างปรับได้ตามปกติ / พับยังไง ให้แสดงให้ดู
3. ยางและล้อ
______ 3.1 เนื้อยางยังนิ่มอยู่พอสมควร / ปียางที่ผลิต / รอยวิ่งของยาง
______ 3.2 ล้อมีรอยบิ่นหรือไม่ / Mag เก่า ใหม่
______ 3.3 แม่แรง / ล้ออะไหล่ / ประแจ / เครื่องมือประจำรถครบหรือไม่
4. กลไกขับเคลื่อน
______ 4.1 เครื่องยนต์เดินเรียบ
______ 4.2 ความร้อนไม่ขึ้นสูง
______ 4.3 เข้าเกียร์ได้ครบ
______ 4.4 เกียร์ไม่หลวม, ไม่มีเสียงดังเวลาเข้าเกียร์ใดเกียร์หนึ่ง
______ 4.5 พวงมาลัยไม่มีเสียงดังเวลาเลี้ยว
______ 4.6 เวลาปล่อยมือแล้วรถไม่เอียง
______ 4.7 คลัทช์ไม่แข็งหรือระยะตื้นจนเกินไป
______ 4.8 ที่เปิดฝาเติมน้ำมันเปิดตรงไหน-สาธิตให้ดูด้วย
5. ห้องเครื่อง
______ 5.1 น้ำมันเบรค/ น้ำมันเครื่อง/ น้ำมันเกียร์/ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ / สายพานต่างๆ น้ำหม้อน้ำ ระดับน้ำฉีดกระจก/ ถามให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน
______ 5.2 สายพานต่างๆ น้ำหม้อน้ำ ระดับน้ำฉีดกระจก/ ลอง Start เครื่องฟังเสียงดู เร่งเครื่อง
______ 5.3 หมายเลขเครื่อง / หมายเลขตัวถัง / วันผลิต
--------- 5.4 แผ่นกันความร้อนมีให้หรือไม่-ราคาเท่าไร
6. ระบบปรับอากาศ
______ 6.1 แอร์เย็น / ปรับอุณหภูมิได้
7. ภายใน
______ 7.1 หน้าปัดเป็นรอยขูดขีดหรือไม่ / หน้าปัดหลักๆยังใช้งานได้ครบหรือไม่ เช่น เข็มความเร็ว เข็มนํ้ามัน เข็มไมล์ ไฟเบรคมือ เข็มความร้อน
______ 7.2 เบาะปรับได้ท่าทีถนัด / เข็มขัดนิรภัย ลองปรับ+กระตุก
______ 7.3 กระจกมองหลังและข้างปรับได้ทัศน์วิสัยที่ดี/ กระจกข้างปรับได้ ลองพับ /Central Lock
______ 7.4 ยางปูพื้นติดรถมาแบบไหน
______ 7.5 อุปกรณ์ภายในรถ
______ 7.5.1 วิทยุติดรถ
______ 7.5.2 ทดสอบแอร์ ลองแรงลมทุกระดับ ที่วัดอุณภูมิภายใน-นอก /กดแตร
______ 7.5.3 ที่ปัดน้ำฝน INT
______ 7.5.4 ไฟเบรคดวงที่ 3
______ 7.5.5 ไล่ฝ้าหลัง ข้าง ลองกดแล้วจับดูว่าร้อนไหม…..
______ 7.5.6 หมุนพวงมาลัยจนสุด 2 ด้านมีเสียงดังหรือไม่
______ 7.5.7 ไฟหน้า ปรับ ไกล-ใกล้ สูง-ต่ำ
______ 7.5.8 วิทยุ CD ลองฟังแยกทุกจุดว่า OK
______ 7.5.9 กระจกไฟฟ้า 4 บาน กระจกข้างปรับได้ ลอง
______ 7.5.10 สัญญานเตือนไฟเปิด
______ 7.5.11 สัญญานเตือนประตู/เปิด
______ 7.5.12 สัญญานเตือนคาดเข็มขัด
______ 7.5.13 สัญญานเตือนเบรกมือ
______ 7.5.14 นาฬิกา
______ 7.5.15 กุญแจ/รีโมต/Central Lock
______ 7.5.16 ไฟแสดงตำแหน่งเกียร์
______ 7.5.17 ที่เปิดกระโปรง หน้า หลัง ฝาน้ำมันอยู่ตรงใหน
______ 7.5.18 ช่องเก็บของต่างๆเปิด-ปิด ได้ดีหรือไม่
8. ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง
______ 8.1 ไฟสูง ไฟหน้า และไฟหรี่ เปิดติด ปิดดับ สว่างชัดเจน
______ 8.2 ไฟเลี้ยวใช้ได้ทั้ง 2 ข้าง
______ 8.3 ไฟเบรคใช้งานได้
______ 8.4 ไฟถอยหลังใช้งานได้
9. เอกสารต่างๆ
______ 9.1 สมุดทะเบียน
______ 9.2 ใบโอนรถ
______ 9.3 เอกสารประกันภัย / พรบ.
______ 9.4 ใบเสร็จรับเงินค่าdown
______ 9.5 ใบเสร็จค่ามัดจำป้ายแดง 3000 บาท
______ 9.6 ป้ายแดงมีตรา ขส.
______ 9.7 คู่มือรถ
______ 9.8 เอกสารการรับประกันอุปกรณ์รถ
______ 9.9 เอกสารการรับประกันเช็คระยะฟรี
______ 9.10 เอกสารการรับประกันอุปกรณ์ตกแต่ง
Copy แล้วพิมพ์ใบนี้ไปเช็คได้เลยครับ
ที่มา : oknation.net/blog/print.php?id=53788
29
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ
เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 03:10:05 PM
ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ
วันพุธที่ 12 ธันวาคม 2555 เวลา 07:26 น.
จุลสารลด หยุด ภัย ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเรื่องอุทาหรณ์คนใช้รถ ใส่ใจ ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ อุบัติภัย ขออนุญาตผ่านตรงนี้ คัดลอกเพื่อเผยแพร่
ความประมาท การขาดความเอาใจใส่ และการมองข้ามเรื่องเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอย่างไม่คาดคิดได้ เพื่อความปลอดภัย ขอเตือนอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นจากรถในกรณีต่าง ๆ ดังนี้
ติดเครื่องไว้ขณะเปิด-ปิดประตูรั้วบ้าน ข้อควรระวัง กรณีเป็นรถเกียร์อัตโนมัติ ให้เลื่อนเกียร์ไปไว้ตำแหน่ง P หรือดับเครื่องให้เรียบร้อยก่อนลงไปเปิดประตูรั้วบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีพื้นลาดเอียงและประตูรั้วแคบ ห้ามจอดรถบริเวณทางลาดชัน และเลื่อนเกียร์ไปไว้ตำแหน่ง N แล้วขึ้นเบรกมือไว้ เพราะเบรกมือไม่สามารถหยุดการเคลื่อนตัวของรถได้ หากรถเลื่อนไหลลงมา ห้ามพยายามผลักหรือดันให้รถหยุด เพราะจะถูกรถอัดกระแทกติดกับประตูรั้ว ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้
ทิ้งเด็กไว้ในรถที่จอดสตาร์ตเครื่อง ข้อควรระวัง เด็กมีความซุกซนมักกดปุ่มต่าง ๆ ในรถเล่น โดยเฉพาะหากเด็กเลื่อนเกียร์อาจทำให้รถเคลื่อนตัว ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ กรณีเด็กหลับไม่ควรติดเครื่องทิ้งไว้แล้วเปิดแอร์ เพราะควันจากท่อไอเสียจะเข้ามาในรถ ทำให้เด็กขาดออกซิเจนจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ หากจำเป็นต้องทิ้งเด็กไว้ตามลำพังในรถ ควรดับเครื่อง ลดกระจกหน้าต่างลงเล็กน้อย ดึงเบรกมือ ปิดปุ่มที่จุดบุหรี่ พร้อมเตรียมกุญแจสำรองไว้ ป้องกันอันตรายจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก
ติดครื่องขณะตรวจสภาพหรือซ่อมรถ ข้อควรระวัง ก่อนตรวจสอบเครื่องยนต์ ควรถอดเครื่องประดับ เนกไท ระวังเสื้อผ้าหรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งเข้าใกล้ใบพัด หรือสายพานที่กำลังทำงาน รวมถึงห้ามสัมผัสเครื่องยนต์ เปิดหม้อน้ำขณะที่เครื่องยนต์ร้อน กรณีต้องตรวจสอบใต้ท้องรถ ให้จอดรถบนพื้นราบ ไม่ลาดเอียง พร้อมดับเครื่อง ห้ามเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถ โดยมีเพียงแม่แรงรองรับ ต้องใช้ขาตั้งและยางรถรองให้เรียบร้อย ป้องกันถูกรถหล่นลงมาทับ
สูบบุหรี่ขณะขับรถ ข้อควรระวัง ไม่ควรสูบบุหรี่ขณะขับรถ เพราะรถใช้น้ำมันและก๊าซเป็นเชื้อเพลิง จึงเป็นแหล่งรวมความร้อน โดยเฉพาะหากก๊าซรั่วไหล หรือมีน้ำมันหกข้างฝาถังน้ำมันและคนขับจุดไฟแช็กหรือสูบบุหรี่บริเวณดังกล่าว จะทำให้เกิดระเบิดและเพลิงไหม้รถ.
ไฟเหลือง
failuang@dailynews.co.th
31
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / รับสมัคร “โตโยต้า พริตตี้ 2013”
เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 07:35:23 PM
โตโยต้า เชิญชวนสาวสวย บุคลิกดี มากความสามารถ ร่วมทีมประชาสัมพันธ์พิเศษ “โตโยต้า พริตตี้ 2013” เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมทางการตลาดของโตโยต้า เป็นระยะเวลา 1 ปี พร้อมรายได้มากกว่า 600,000 บาท และมีโอกาสเข้าร่วมงานกับบริษัทโตโยต้าต่อไปในอนาคต
โดยผู้สมัคร “โตโยต้า พริตตี้ 2013” จะต้องเป็นสาวสวย บุคลิกภาพดี มีความมั่นใจในตนเอง และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี อายุ 18-25 ปี ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 165 เซนติเมตร เป็นผู้ที่กำลังศึกษา หรือจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีความสามารถในการนำเสนองานได้ดี สามารถทำงานได้ในวันหยุด เดินทางไปต่างจังหวัดได้ นอกจากนี้ ถ้ามีความสามารถในสื่อสารภาษาอังกฤษ หรือภาษาญี่ปุ่น จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ และต้องไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานกับรถยนต์ยี่ห้ออื่นมาก่อน
ผู้สนใจสามารถสมัครผ่านเว็บไซต์
www.toyotapretty.com หรือนำรูปถ่ายมาสมัครด้วยตนเองที่ บริษัท เดนท์สุ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่วันนี้ถึง 9 มกราคม 2556 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 02-632-4555 ต่อ 1410,1243
32
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Altis Club โตโยต้า อัลติสคลับ / เผยโฉมโคโรลล่า อัลติส รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E85
เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 07:31:06 PM
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยโฉมโคโรลล่า อัลติส รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ชูสมรรถนะเยี่ยม และราคาโดนใจ
โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ 1.8G Navi ได้รับการดีไซน์กระจังหน้าใหม่ และภายในเลือกใช้โทนสีเทา-ดำ ที่ให้อารมณ์สปอร์ต พร้อมระบบนำทางในรถยนต์ In-Car Navigator และติดกล้องมองหลังเพิ่มเข้ามาให้ ในขณะที่รุ่น 2.0 ลิตร มีการเพิ่มกระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ ที่สามารถแสดงภาพจากกล้องมองหลังผ่านทางกระจกได้ และในรุ่น 1.6 ลิตร* ที่เพิ่มถุงลมและเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า แบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าอีกด้วย
โดยทีมวิศวกรของโตโยต้า ได้ทำการปรับเปลี่ยนวัสดุใหม่ และชนิดสารเคลือบของอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับโคโรลล่า อัลติส ใหม่ ที่พร้อมใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร อาทิ แหวนลูกสูบและลูกสูบ ท่อส่งน้ำมันเข้าหัวฉีดวาล์ว และบ่าวาล์วของทั้งไอดีและไอเสีย หัวเทียน รวมทั้ง PCV วาล์ว เพื่อให้สามารถรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ได้อย่างมั่นใจตามมาตรฐานจากโรงงานของโตโยต้า
โคโรลล่า อัลติสใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี รหัส 2ZR-FBE ปรับปรุงใหม่ แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC Dual VVT-i แรงม้าสูงสุด 102 กิโลวัตต์ (139ps) / 6,400 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร / 4,000 รอบต่อนาที และรองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91, 95 แก๊สโซฮอล E10, E20 และ E85
นอกเหนือจากการแนะนำโคโรลล่า อัลติล ใหม่แล้ว โตโยต้าได้ทำการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ คือ “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดัง มีบุคลิกที่สง่างาม มีเสน่ห์ดึงดูด เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยอยู่เสมอ ซึ่งเปรียบได้กับ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ ที่สามารถครองใจลูกค้าชาวไทย และได้รับความนิยมมาโดยตลอดและมีสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
สำหรับราคาจำหน่าย โคโรลล่า อัลติส 1.8G Navi รุ่นปรับปรุงใหม่ 949,000 บาท โดยโตโยต้า ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 4,200 คันต่อเดือน
33
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / ผ่าฟอร์มคู่ชิง"โตโยต้า" บุรีรัมย์-ราชบุรี
เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2012, 08:43:37 PM
โตโยต้าลีกคัพ นัดตัดสินแชมป์ บุรีรัมย์ฟัดราชบุรีศึกนี้ไม่มีพี่-น้อง
วันที่ 10 พ.ย. ที่สนามธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เวลา 17.45 น. คือดีเดย์ ตัดสินความเป็นหนึ่งในฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ถ้วยหนึ่งของวงการฟุตบอลไทยอย่าง โตโยต้า ลีก คัพ 2012
อย่างที่แฟนบอลเมืองไทยทราบเป็นอย่างดีแล้วว่าคู่ชิงชนะเลิศ เป็นการพบกันระหว่างสองสโมสรที่มาจากต่างลีกทีมแรกเข้ามาในฐานะแชมป์เก่า และเป็นการเข้าชิง ฟุตบอลราย การนี้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันอย่าง ?ปราสาทสายฟ้า? บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
อีกฟากเป็นน้องเล็กทีมใหม่ของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกในฐานะแชมป์ศึกยามาฮ่า ลีก วัน หรือดิวิชั่น 1 และถือเป็นการเข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วยเป็นครั้งแรกของประวัติ ศาสตร์สโมสร ?ราชันมังกร? ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
เส้นทางก่อนจะเข้ามาถึงนัดชิงชนะเลิศ ไม่มีทีมใดโรยด้วยกลีบกุหลาบ แชมป์เก่าเกือบต้องสิ้นชื่อตั้งแต่รอบแรกเมื่อออกไปเยือน ร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด และถูกนำไปก่อนถึง 2-0 แต่ยังดีที่ฮึดช่วงท้ายเกมกลับมาชนะ 3-2 เช่นเดียวกับรอบต่อๆ มา แม้จะต้องเจอกับทีมรองบ่อนกว่าทั้ง หาดใหญ่ เอฟซี และ สมุทรปราการ ยูไนเต็ด แต่บุรีรัมย์ล้วนหืดจับชนะเพียงประตูเดียวเท่านั้น
แม้แต่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งเริ่มใช้การแข่งขันแบบเหย้า-เยือน บุรีรัมย์ เจองานหนักทั้งสิ้น เพราะต้องเจอกับ ?มังกรไฟ?บีอีซี เทโรศาสน โดยรวมผล 2 นัด เสมอกัน 3-3 แต่ว่านัดสุดท้ายที่เทพหัสดิน บุรีรัมย์ ยิงตีเสมอช่วงท้ายเกมอีกครั้ง 2-2 ทำให้ผ่านเข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน เช่นเดียวกับรอบรองชนะเลิศ 2 นัดต้องเจอกับ บางกอกกลาส เอฟซี ที่แม้จะชนะทั้งสองนัดรวม 4-2 แต่บุรีรัมย์ต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดกว่าจะผ่านมาได้
ขณะที่ราชบุรีต้องบอกว่าเป็นม้านอกสายตาอย่างแท้จริง เพราะยกเว้นรอบสองที่เจอกับ ตราด เอฟซี ในเอไอเอสลีก นอกนั้นต้องเจอสโมสรที่อยู่ลีกสูงกว่าทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรอบแรกเจอ ชัยนาท เอฟซี รอบ 16 ทีมเจอ พัทยา ยูไนเต็ด, รอบ 8 ทีมเจอ วัวชน ยูไนเต็ด ขณะที่รอบรองฯ เจอกับ ทีโอที เอสซี และอย่างที่เราทราบกันดีว่าราชบุรีหักปากกาเซียนทุกสาขาผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้อย่างเต็มภาคภูมิ
แม้ว่าในเกมนัดชิงวันที่ 10 พ.ย. ราชบุรีจะไม่สามารถใช้นักเตะตัวหลักถึง 6 คนเนื่องจากติดสัญญายืมตัวจากบุรีรัมย์ แต่ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นใครลงสนามจะไม่ใช่งานง่ายสำหรับบุรีรัมย์ ที่มีขุมกำลังเต็มอัตราศึกอย่างแน่นอน ส่วนนักเตะที่น่าจับตามองอย่างมากในเกมนี้นั่นคือ โกรัน เยอร์โควิช ที่ยิงประตูแทบทุกนัดในฟุตบอลถ้วยที่ลงเล่นให้กับบุรีรัมย์ ขณะที่ราชบุรี มี พรชัย อาจจินดา กองหน้าจอมถล่มประตูคอยส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย
แม้มองตามภาพรวมแล้วบุรีรัมย์จะเหนือกว่าแต่เมื่อถึงเวลาลงสนามผลงานตรงหน้าเท่านั้นจะบอกว่าทีมใดสมควรจะเป็นผู้สมหวัง บุรีรัมย์จะได้แชมป์เป็นครั้งที่ 2 ภายใน 3 ปี หรือจะเป็นราชบุรีคว้ามาครองเป็นครั้งแรก ทุกอย่างรอให้ทุกคนได้พิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง
ผลงานคู่ชิงชนะเลิศ โตโยต้า ลีก คัพ 2012
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
รอบแรก 10 มิ.ย.55
ชนะ ร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด 3-2 (เยือน)
รอบ 32 ทีม 11 ก.ค.55
ชนะ หาดใหญ่ เอฟซี 1-0 (เยือน)
รอบ 16 ทีม 22 ส.ค.55
ชนะ สมุทรปราการ ยูไนเต็ด 1-0 (เยือน)
รอบ 8 ทีม นัดแรก 5 ก.ย.55
เสมอ บีอีซี เทโรศาสน 1-1 (เหย้า)
รอบ 8 ทีม นัดสอง 19 ก.ย.55
เสมอ บีอีซี เทโรศาสน 2-2 (เยือน)
(บุรีรัมย์ เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน)
รอบรองฯ นัดแรก 26 ก.ย.55
ชนะ บางกอกกลาส เอฟซี 3-2 (เยือน)
รอบรองฯ นัดสอง 17 ต.ค.55
ชนะ บางกอกกลาส เอฟซี 1-0 (เหย้า)
ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
รอบแรก 9 มิ.ย.55
ชนะ ชัยนาท เอฟซี 4-3 (เหย้า)
รอบ 32 ทีม 11 ก.ค.55
ชนะ ตราด เอฟซี 3-2 (เยือน)
รอบ 16 ทีม 22 ส.ค.55
ชนะ พัทยา ยูไนเต็ด 1-0 (เหย้า)
รอบ 8 ทีม นัดแรก 5 ก.ย.55
ชนะ วัวชน ยูไนเต็ด 2-0 (เหย้า)
รอบ 8 ทีม นัดสอง 19 ก.ย.55
แพ้ วัวชน ยูไนเต็ด 0-1 (เยือน)
รอบรองฯ นัดแรก 26 ก.ย.55
ชนะ ทีโอที เอสซี 1-0 (เหย้า)
รอบรองฯ นัดสอง 17 ต.ค.55
เสมอ ทีโอที เอสซี 2-2 (เยือน)
ที่มา : khaosod.co.th
34
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / " สปอนเซอร์ " ถอนไทยลีก เผย " โตโยต้า " จ่อเสียบแทน
เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2012, 01:06:40 PM
จากการที่ฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีกเพิ่งจบฤดูกาลไปหมาดๆโดยที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครองนั้น ล่าสุดมีข่าวแจ้งมาว่า เครื่องดื่มเกลือแร่ สปอนเซอร์ ที่หนุนต่อเนื่องในฐานะไทเทิ่ลสปอนเซอร์มา 3 ปีเต็ม จะถอนตัว
เรื่องนี้ “ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปอร์ตฮีโร่ จำกัด ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์และภาพลักษณ์ให้กับทาง เครื่องดื่มเกลือแร่ สปอนเซอร์ เปิดเผยว่า เป็นที่แน่นอนแล้วว่า สปอนเซอร์ จะถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุนหลักของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า 2013 หลังจากช่วยผลักดันให้ลีกของเราโตขึ้นและมีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้มีผู้สนับสนุนรายอื่นต้องการจะเข้ามาเป็นไทเทิลสปอนเซอร์บ้าง ซึ่งเราก็พร้อมจะหลีกทางให้ แต่เราก็จะไม่ทิ้งวงการแต่จะอยู่ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนร่วม โดยที่ผ่านมานั้น3ปีใช้งบไป 165 ล้านบาท
ส่วนไทเทิลสปอนเซอร์รายใหม่นั้น บ.ไทยพรีเมียร์ลีก กำลังจะได้ “โตโยต้า” เข้ามาแทนที่ โดยทาง โตโยต้า จะสนับสนุนฟุตบอลลีกคัพเป็นปีสุดท้าย ส่วนลีกคัพจะได้บริษัท ประกันภัย “เอไอเอ” เข้ามาแทน
35
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / บริษัท โตโยต้า ประกาศเดินหน้าขยายสายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลในประเทศไทย
เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 06:55:27 PM
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์-ปอเรชั่นประเทศญี่ปุ่น ประกาศเดินหน้าขยายสายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลในประเทศไทยของบริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัดโดยจะเริ่มเปิดสายการผลิต ในปี พ.ศ.2558เพื่อตอบรับความต้องการของตลาดรถยนต์ภายใต้โครงการ ไอเอ็มวี (Innovative International Multi-purpose VehicleProject : IMV) ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มตลาดเกิดใหม่
สำหรับการขยายกำลังการผลิตของเครื่องยนต์ดีเซล เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 290,000 เครื่องต่อปี ทำให้กำลังการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล รวมทั้งปีประมาณ 610,000เครื่อง โดยใช้งบลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านเยน(หรือประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 100 เยน เท่ากับ 40 บาท) ก่อให้เกิดการจ้างงานใหม่กว่า 450 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด จะทำการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลเพื่อป้อนให้กับโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย และใช้เป็นฐานการส่งออกรถยนต์ของโลก รวมทั้งผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดเกิดใหม่อีกด้วย ภายใต้หลักปรัชญาของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่นในการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ในประเทศที่มีการจำหน่าย และจะต้องเป็นแหล่งจัดหาชิ้นส่วนหลัก ควบคู่ไปกับการผลิตรถยนต์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตในประเทศนั้นๆ
36
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Prius Club โตโยต้า พรีอุส คลับ / โตโยต้า จัดกิจกรรมโรดโชว์ “พริอุส ทีอาร์ดี สปอร์ติโว เดอะ อินเทลิเจนท์ เดย์”
เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 06:53:13 PM
โตโยต้า จัดกิจกรรมโรดโชว์ “พริอุส ทีอาร์ดี สปอร์ติโว เดอะ อินเทลิเจนท์ เดย์” ทั่วกรุงเทพฯ พร้อมนำรถยนต์พริอุส ทีอาร์ดี สปอร์ติโว ด้วยชุดแต่งใหม่ล่าสุดสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่เลือกสรรรถยนต์ที่มีสไตล์โฉบเฉี่ยวและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจัดกิจกรรมโรดโชว์ทั่วกรุงเทพฯ ทั้งอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าชั้นนำ ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2555
รถยนต์โตโยต้าพริอุส ที่โชว์นั้นมาพร้อมชุดแต่ง TRD ใหม่ทั้งหมด รวมทั้งรถ Cut Body เพื่อแสดงการทำงานของรถยนต์ระบบไฮบริด ร่วมสนุกกับกิจกรรมภายในงานมากมาย และรับข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้จองรถพริอุสในงานทุกคัน โดยในเดือนตุลาคมนี้ พบโรดโชว์ “พริอุส ทีอาร์ดี สปอร์ติโว เดอะ อินเทลิเจนท์ เดย์” ได้ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม ณ อาคารชินวัตร 3 ถ.วิภาวดี และ 29 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน ณ อาคาร พาร์ค เวนเจอร์ ถ.วิทยุ (Park Ventures) ผู้สนใจร่วมติดตามรายละเอียดกิจกรรมครั้งนี้ได้เพิ่มเติมทาง
www.facebook.com/PriusThai
37
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถ / เช็ดคราบหมากฝรั่งในรถยนต์ให้หมดจด
เมื่อ: ตุลาคม 24, 2012, 01:08:56 PM
อย่าคิดว่าเป็นปัญหาที่ไกลตัวนะครับ เพราะส่วนใหญ่ก็คิดว่ารถยนต์ที่ไม่มีเด็กๆ นั่งเคี้ยวหมากฝรั่งกันจ๊วบจ๊าบๆ อยู่หลังเบาะ จะมีหมากฝรั่งมาติดได้ยังไง ก็เพราะบางครั้งเนี่ยคนโตๆ แล้วอย่างเราๆ ท่านๆ นั้นก็คงจะมีบ้างที่แกะหมากฝรั่งมาเคี้ยวเล่นๆ ระหว่างรอรถติด เมื่อเคี้ยวจนเปื่อยไปแล้ว ก็โยนใส่ถังขยะใบจิ๋วที่ตั้งอยู่บนพื้นหลังเบาะนั่ง แต่มือเจ้ากรรมดันโยนไม่แม่นซะนี่ หมากฝรั่งนั้นจึงไปติดอยู่ซะกลางเบาะหลัง มารู้ตัวอีกทีก็ 2 วันผ่านไป
ก่อนอื่นนายทีขอเกริ่นกันก่อน เพราะว่าหมากฝรั่งนี่มีประสิทธิภาพในการเกาะหนึบจริงๆ นะครับ เพราะไอ้ที่เคี้ยวๆ กัน 70% ของหมากฝรั่งนั้นจะทำมาจากยาง Gum Base ที่เหนียวหนึบผสมกับกลิ่นสีเล็กน้อยจนทำให้เราเคี้ยวกันจนเพลิน บางครั้งก็เป็นปัญหาระดับชาติ เพราะในสิงค์โปรได้มีกฏหมายยกเลิกนำเข้าหมากฝรั่งกันถึง 18 ปีมาแล้ว หนึ่งในสาเหตุที่นอกจากมันทำความสกปรกให้แก่บ้านเมืองแล้ว ยังเคยมีกรณีที่หมากฝรั่งทำให้รถไฟฟ้าสิงค์โปรต้องชะงัก เพราะหมากฝรั่งไปติดอยู่ที่ระหว่างประตู แต่ที่นายทีจะนำเสนอวันนี้ มันไม่ได้ติดอยู่ที่ประตูรถแต่อย่างใดหรอกครับ มันติดอยู่ที่ “เบาะ” ของเรานั่นเอง ไม่ว่าจะเบาะผ้าหรือเบาะหนัง ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอยู่เหมือนกันใช่ใหมครับ เพราะว่าบางครั้งการถูออกแบบง่ายๆ นั้นกลับทำให้มันยิ่งขยายวงเหนียวมากขึ้น และเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เรามาดูวิธีเอาหมากฝรั่งออกแบบหมดจดกันครับ
1. ให้เรานำน้ำแข็งก้อน ไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ครับ นำมันมาวางไว้ที่ก้อนหมากฝรั่งซักพัก เพื่อที่ให้ตัวหมากฝรั่งนั้นเกิดการแข็งตัว และไม่ต้องกลัวว่าเบาะจะเปียกนะครับ (เพราะยังไงก็ต้องเปียกอยู่แล้ว ^^)
2.หลังจากที่หมากฝรั่งนั้นจับตัวเป็นก้อนแข็งๆแล้ว จากนั้นให้เรานำสันมีดหรือวัสดุที่บางและพอที่จะขูดเจ้าหมากฝรั่งนี้ออกไป เช่น บัตรที่มีลักษณะเช่นเดียวกันกับบัตร ATM เป็นต้น การขูดนั้นก็ให้เซาะจากด้านใต้ของหมากฝรั่งเอานะครับ
3. แน่นอนว่าหลังจากที่เอาไอก้อนเจ้าปัญหาออกไปแล้ว มันก็ยังคงมีคราบเล็กๆน้อยๆ ที่ยังเหลืออยู่ คราบเล็กๆน้อยๆ นี่มักจะเอาออกยากกว่าก้อนใหญ่ๆ เสมอ นายทีก็ขอแนะนำ ให้ใช้สำลีหรือว่าฟองน้ำชุบน้ำส้มสายชู แล้วเช็ดออก ในกรณีเบาะหนังก็จะเช็ดง่าย แต่เบาะผ้า เวลาเช็ดนี่ต้องบรรจงหน่อยนะครับ เพราะว่าคราบที่ยืดๆหยุ่นๆ เหล่านี้อาจจะไปติดส่วนอื่น ทำให้เราต้องทำงานหลายรอบยังไงละครับ
4. จากนั้นให้เพื่อนๆ สามารถทำความสะอาด เช็ดเบาะ, ขัดเงาได้ตามสะดวกกันเลยครับ สำหรับคนที่เคยได้ยินว่าน้ำมันก๊าชนั้นสามารถเช็ดออกได้ ตรงนี้สามารถเช็ดออกได้จริงแต่น้ำมันก๊าชเป็นสารเคมีที่มีการฤทธิ์ในการกรัด กร่อน นายทีเกรงว่าถ้าใช้น้ำมันก๊าช ก็อาจจะไปทำลายสีเบาะหนังที่เพื่อนๆ อุตส่าห์เก็บเงินหุ้มมาซะแพง แถมข้อเสียยังมีกลิ่นติดรถที่ใช้เวลาหลายวันกว่ากลิ่นนั้นจะหาย ก็ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้นายทีแนะนำว่าให้ใช้วิธีดังกล่าวที่เสนอมาดีกว่า เนื่องจากว่าใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องมานั่งดับกลิ่นให้วุ่นวายด้วยครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก e-toyotaclub.net
38
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / เทคนิคจอดรถบนทางลาดชัน
เมื่อ: ตุลาคม 24, 2012, 01:00:38 PM
หากเลือกได้คงไม่มีใครอยากจอดรถบนทางลาดชันใช่ไหมครับ เพราะการจอดรถบนทางลาดชันนั้นรถของคุณอาจเกิดการเคลื่อนไหลได้ จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการจอดเป็นพิเศษกว่าจอดบนพื้นราบปกติ โดยมีเทคนิคดังนี้ครับ
- ให้จอดรถชิดขอบทาง/ฟุตบาท/กำแพง ให้มากที่สุด
- ควรหมุนพวงมาลัยให้ล้อหน้าเลี้ยวไปทางขอบทาง/ฟุตบาท/กำแพง เพราะหากกรณีรถเกิดการเคลื่อนที่ไหล
จะได้ถูกเบรคโดยขอบทาง/ฟุตบาท/กำแพงครับ
- กรณีจอดรถไม่ชิดขอบทาง ไม่มีขอบทาง/ฟุตบาท/กำแพง ควรหมุนพวงมาลัยให้ล้อหน้าเลี้ยวไปทางด้านตรงข้ามถนน
เพราะหากกรณีรถเกิดการเคลื่อนที่ไหลจะได้ไม่กีดขวางการจราจรครับ
- ดับเครื่องยนต์ และดึงเบรกมือขึ้นจนสุด
- เลื่อนคันเกียร์ไปยังตำแหน่งถอยหลัง (เกียร์ธรรมดา) หรือเข้าตำแหน่งเกียร์ P (เกียร์อัตโนมัติ) เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนที่ไหลถอยหลัง
- เพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น ควรหาก้อนหินมารองหลังล้อด้วยครับ
- เมื่อท่านจอดรถในที่ปลอดภัยได้แล้ว ก่อนการออกตัวก็สำคัญเช่นกัน อย่าลืมว่าล้อของท่านยังอยู่ในตำแหน่งเลี้ยว
และมีก้อนหินรองล้ออยู่ด้วยนะครับ
VIDEO
ขอบคุณข้อมูลจาก Corolla Altis Fanpage
39
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถ / วอร์มแบตเตอรี่ก่อนเดินทาง เครื่องสตาร์ทติดง่าย
เมื่อ: ตุลาคม 24, 2012, 12:57:12 PM
ฤดูท่องเที่ยวมาถึง เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนวางแผนเดินทางหาสถานที่พักผ่อน ต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม โดยเฉพาะเดินทางโดย รถยนต์ เพราะบางครั้งเมื่ออากาศเย็นลง อาจเกิดปัญหาเครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก ทำให้การเดินทางหมดสนุกได้
การวอร์มแบตเตอรี่เครื่องยนต์ เป็นการกระตุ้นการทำงานของเครื่องยนต์ และตรวจเช็คสภาพความพร้อมระบบต่างๆ ของรถยนต์ เพราะเวลาอากาศเย็น ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์จะลดน้อยลง เพราะน้ำมันหล่อลื่นจะเกิดการจับตัวและมีความหนืดมาก ทำให้การขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ช้าลง ถ้าไม่ได้วอร์มแบตเตอรี่เครื่องยนต์อาจทำให้อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนเกิดการสึกกร่อนได้ง่าย
“วอร์มแบต” ให้อุ่น “สตาร์ท” ปลอดภัย 1. ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรเช็คระบบเกียร์ทุกครั้ง สำหรับระบบธรรมดา เกียร์ควรอยู่ในช่องเกียร์ว่าง ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติควรอยู่ที่ N หรือ P จากนั้นดึงเบรกมือไว้ เพื่อป้องกันการเคลื่อนของรถยนต์ขณะสตาร์ท
2. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถยนต์ทั้งหมด เช่น เครื่องปรับอากาศ, เครื่องเสียง และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่ต้องใช้ไฟจาก แบตเตอรี่ เพื่อให้แบตเตอรี่มีกำลังไฟที่เพียงพอในการสตาร์ท
3.บิดกุญแจไปยังตำแหน่ง ON เพื่อเช็คการทำงานของระบบต่างๆ รวมทั้งไฟสัญญาณเตือนบนแผงหน้าปัดทุกครั้ง ถ้าไม่มีสัญญาณไฟเตือน จึงค่อยๆ สตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อวอร์มเครื่องยนต์และชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่
4.การวอร์มเครื่องยนต์ทุกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงวิธีการเหยียบคันเร่งหรือเคลื่อนที่รถยนต์ ควรใช้วิธีสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้เครื่องยนต์และอุปกรณ์ยานยนต์ต่างๆ มีอุณหภูมิสูงขึ้น
5.หลีกเลี่ยงการวอร์มเครื่องยนต์ในสถานที่ปิด หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก เพราะ จะทำให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ซึ่งมีอันตรายต่อร่างกาย ช่วงระยะทาง 1-2 กิโลเมตรแรกในการยขับรถยนต์ ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของน้ำมันหล่อลื่น
การวอร์มเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ก่อนการขับรถยนต์ เป็นการกระตุ้นหรือเพิ่มอุณหภูมิให้เครื่องยนต์อยู่ใน สภาพที่พร้อมใช้งาน และเป็นการรักษาอุปกรณ์ยานยนต์ไม่ให้เกิดการสึกกร่อนก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้ ควรเช็คระบบการทำงานของเครื่องยนต์ ทั้งระบบไฟส่องทาง, ไฟสัญญาณ ล้อยางและลมยาง หรือส่วนสำคัญส่วนอื่นๆ รวมทั้ง ‘แบตเตอรี’ ก่อนการขับรถทุกครั้งเพื่ความมั่นใจและปลอดภัยตลอดทุกเส้นทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก ThaiCarLive.com
40
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Prius Club โตโยต้า พรีอุส คลับ / Re: 2012 toyota prius trd sportivo
เมื่อ: ตุลาคม 13, 2012, 07:15:44 PM
2012 Toyota PRIUS TRD Sportivo ตกแต่งใหม่ทั้งภายนอกและภายใน
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เพิ่มทางเลือกให้คนรักการตกแต่งสไตล์สปอร์ตด้วย Toyota Prius รุ่นพิเศษ TRD Sportivo ใหม่ ที่มากับชุดอุปกรณ์ตกแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน ทั้งภายนอกและภายใน สเกิร์ตกันชนหน้า - หลังใหม่ ล้ออัลลอยลายใหม่แบบ Smoke Chrome ขนาด 16นิ้ว ยางขนาด 205/55/R16 พร้อมสัญลักษณ์ TRD Sportivo
ภายในตกแต่งใหม่สไตล์สปอร์ต เบาะหนังสีดำ พรมปูพื้นลายพิเศษพร้อมสัญลักษณ์ TRD Sportivo ระบบบันเทิงชุดใหม่ จอทัชสกรีน เล่น DVD/CD/MP3/WMA พอร์ท USB เชื่อมต่อ Smart Phone และสามารถรองรับบริการพิเศษจาก Toyota Smart G-BOOK ได้
สีภายนอกมีให้เลือก 3 สี ดำ Attitude Black Mica, แดง Red Mica Metallic และ ขาว White Pearl Crystal (ราคาเพิ่ม 10,000บาท) ราคาจำหน่ายเปิดออกมาที่ 1,269,000 บาท กำหนดการจำหน่ายเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป •
42
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / สหรัฐฯเตือนผู้ใช้ถนนระวัง "แอร์แบ็ค" ปลอมจากจีน
เมื่อ: ตุลาคม 12, 2012, 09:19:53 PM
สินค้าปลอมจากจีนกลายเป็นข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกอีกครั้ง เมื่อทางการสหรัฐฯประกาศเตือนผู้ใช้รถหลายพันคนทั่วประเทศว่า อาจขับขี่รถที่ได้รับการติดตั้งแอร์แบ็ค หรือ ถุงลมนิรภัยปลอมที่ผลิตจากประเทศจีน ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นแอร์แบ็ค ระเบิดใส่หน้าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
สำนักงานความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ เอ็นเอชทีเอสเอ ประกาศเตือนผู้ใช้รถหลายพันคนว่าอาจขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกที่ได้รับการติดตั้งถุงลมนิรภัยปลอมที่ผลิตจากประเทศจีน ซึ่งเป็นอันตรายเพราะจากการทดสอบถุงลมนิรภัยปลอมที่หน่วยงานศุลากรยึดมาได้ปรากฎว่า ไม่ทำงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือ ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือ อาจร้ายแรงถึงขั้นแอร์แบ็คระเบิดใส่หน้าผู้ขับขี่เมื่อเกิดอุบัติเหตุเหมือนที่ทดสอบกับหุ่นดังที่เห็นในภาพ ซึ่งจะมีทั้งเปลวไฟและเศษโลหะแตกกระจายออกมา
สำนักความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงของสหรัฐเปิดเผยอีกว่า รถยนต์ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและต้องรถเข้าไปตรวจเช็คเป็นรถที่ได้รับการซ่อมแซมเปลี่ยนแอร์แบคในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากอู่ทั่วไปที่ไม่ใช่ศูนย์บริการของผู้แทนจำหน่ายรถ ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า แอร์แบ็คปลอมเหล่านี้ผลิตเพื่อใช้กับรถรุ่นต่าง ๆในสหรัฐเพียงร้อยละ 0.1 หรือ ประมาณ 250,000 คัน โดยผู้ใช้รถสามารถเข้าไปตรวจสอบในเวบไซท์ เซฟคาร์ ดอท จีโอวี ของทางการเพื่อหาข้อมูลติดต่อกับผู้ผลิตรถว่ารถรุ่นที่ใช้มีแอร์แบ็คปลอมผลิตออกมาหรือไม่
อย่างไรก็ตามแม้จะยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต หรือ ได้รับบาดเจ็บที่มีสาเหตุมาจากแอร์แบ็คปลอม แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจสอบรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุสามารถแยกแยะแอร์แบคปลอมกับแอร์แบ็คจริงได้หรือไม่ เพราะแอร์แบ็คปลอมส่วนใหญ่มีลักษณะเหมือนกับของจริงและมักมีตราสัญลักษณ์ของผู้ผลิตรถ
ทั้งนี้สินค้าปลอมจากจีนที่แพร่ระบาดในสหรัฐกลายปัญหาที่ยากจะแก้ไข โดยเฉพาะแอร์แบ็คปลอมที่อู่และร้านแต่งรถลักลอบนำเข้ามา โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดแอร์แบ็คปลอมได้เกือบ 1,600 ลูก
ขณะเดียวกันบริษัทโตโยต้ามอเตอร์ของญี่ปุ่นต้องเรียกคืนรถที่มีปัญหาสวิทช์หน้าต่างทำงานผิดปกติกว่า 7 ล้านคันทั่วโลก ขณะที่ยอดขายโตโยต้าในจีนลดลงร้อยละ 48.7 เมื่อเดือนที่แล้ว จากปัญหาความขัดแย้งเกาะพิพาทระหว่างจีนและญี่ปุ่น
ที่มา : thaipbs.or.th
43
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Innova Club โตโยต้า อินโนวาคลับ / โตโยต้า อินโนวา รุ่นปรับปรุงใหม่ล่าสุด ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ล้ำสมัย
เมื่อ: กันยายน 28, 2012, 01:58:04 PM
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยโฉม โตโยต้า อินโนวา รุ่นปรับปรุงใหม่ล่าสุด ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ล้ำสมัย มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมใหม่ ได้แก่ กล้องมองหลัง เซ็นเซอร์ถอยหลัง ขณะที่ภายในได้เพิ่มระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้ว และจอ LCD ภายในห้องโดยสารขนาด 10.2 นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 4 ก้าน หัวเกียร์หุ้มหนัง และแผงคอนโซลกลางตกแต่งสีเมทัลลิก เเละลายไม้ ในส่วนของระบบปรับอากาศเเบบดิจิตัลอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศแถว 2 และ แถว 3
โตโยต้า อินโนวา มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i รหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 182 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (สำหรับเกรด G และ V) และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด (สำหรับเกรด E)
ด้านความปลอดภัยมีให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมเสริมความปลอดภัย (SRS) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) โครงสร้างนิรภัย GOA พร้อมคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง พวงมาลัยและแป้นเหยียบเบรกแบบยุบตัวได้ พร้อมวาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติ ในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น
โตโยต้า อินโนวา มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ มีด้วยกัน 4 สี คือ Grey Mica Metallic (สีใหม่),White Solid, Silver Metallic และ Black Mica โดยทางโตโยต้าเคาะราคาจำหน่าย เริ่มต้นที่ 849,000-1,114,000 บาท
44
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / "โตโยต้า-นิสสัน"ลดกำลังการผลิตในจีนจากเหตุขัดแย้งหมู่เกาะทะเลจีนตะวันออก
เมื่อ: กันยายน 28, 2012, 01:55:05 PM
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นแถลงว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้งโตโยต้าและนิสสันต่างลดกำลังการผลิตในจีน เนื่องจากปริมาณความต้องการลดลง จากเหตุขัดแย้งแย่งสิทธิเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก
โฆษกโตโยต้าแถลงว่า โรงงานสาขาในจีนต้องปรับลดการผลิตลงตามปริมาณความต้องการ อันเนื่องมาจากผลกระทบของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่น
ขณะที่นิสสันแถลงว่า โรงงานที่ร่วมลงทุนในจีนจะระงับการผลิตในช่วงวันหยุดยาวช่วงต้นเดือนตุลาคมนานขึ้นเล็กน้อย โดยโรงงานผลิตรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลที่เมืองตงฟาง จะหยุดผลิตตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. จนถึง 7 ตุลาคมนี้ โดยบริษัทได้พิจารณาจากสถานการณ์การตลาดปัจจุบัน และจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 8 ต.ค. โดยหลังจากนี้บริษัทจะยืดหยุ่นตามสถานการณ์
การประกาศครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนและญี่ปุ่นร่วมหารือนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก เกี่ยวกับประเด็นพิพาทหมู่เกาะเตียวหยูในชื่อจีน หรือเซ็นกากุในชื่อญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นการประชุมแบบเผชิญหน้าครั้งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศซื้อเกาะดังกล่าวจากเอกชน
ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1348645881&grpid=03&catid=03
45
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / โตโยต้ายัน ธุรกิจรถยนต์ไม่ชลอ แม้สิ้นสุดมาตรการรถคันแรก คาดยอดผลิตและส่งมอบยาว
เมื่อ: กันยายน 25, 2012, 09:34:17 PM
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย
กล่าวในงานเสวนาวิกฤติ ยูโรโซน และผลกระทบต่อภาคธุรกิจยานยนต์ไทยว่า ถึงแม้ว่าในสิ้นปีนี้ มาาตรการรถยนต์คันแรก ตามนโยบายขอรัฐบาลจะสิ้นสุดลงก็ ไม่น่าจะกระทบการขยายตัวธุรกิจรถยนต์ เนื่องจาก ความต้องการและยอดสั่งชื้อรถยนต์ในปีนี้ จากมาตราการรถคันแรกที่สนับสนุนให้คนตัดสินใจชื้อรถจำนวนมาก น่าจะทำให้ ปริมาณรถยนต์ใหม่ มีการผลิต และส่งมอบ ยาวนานออกไปถึงปี 2557 แม้ว่า ปริมาณการสั่งชื้อจากมาตราการรรถยนต์คันแรกยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามียอดสั่งชื้อทั้งหมดเท่าไหร่ แต่จากการผ่อนผันของมาตรการรัฐ ที่เปิดให้ ใช้สิทธิ์ ได้ถึงสิ้นปีนี้ แต่ก็เปิดโอกาสให้ผู้ชื้อและผู้ขาย สามารถตกลงระยะเวลาส่งมอบรถได้ จึงเชื่อว่า การผลิตชิ้นส่วนและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้กับยานยนต์ (ลิชชิ่ง) น่าจะขยายขยายตัวไปได้ถึงปี 2557
" ถึงมาตรการรถยนต์คันแรกจะสิ้นสุดในปีนี้ แต่เพราะยอดจองในปีนี้ ที่มีอยู่จำนวนมาก กับการที่ภาครัฐเปิดให้ส่งมอบรถเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วแต่ผู้ชื้อผู้ขาย หรือผู้ผลิตจะไปตกลงกันเอง จึงไม่คิดว่า ธุรกิจยานต์นยนต์สินเชื่อที่เกี่ยวข้องจะชะลอ แม้หมด มาตรการ ฉะนั้น จึงยังไม่มีแผนรอางรับ การหดตัวของงธุรกิจรถยนต์ ไว้ล่วงหน้าถึง 2ปีในตอนนี้"
46
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / "โตโยต้า-ฮอนดา-นิสสัน" ประกาศปิดโรงงานในจีนชั่วคราว หวั่นความปลอดภัย พนง.
เมื่อ: กันยายน 24, 2012, 12:12:05 PM
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 3 แห่งของญี่ปุ่น ประกาศหยุดการปฏิบัตงานบางส่วนหรือทั้งหมดในจีนในวันนี้ (18 ก.ย.) หลังเกิดเหตุประท้วงญี่ปุ่นรุนแรงทั่วประเทศจีน ต่อกรณีข้อพิพาทในหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก
บริษัทโตโยต้า มอเตอร์, ฮอนดา มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 3 แห่งของญี่ปุ่น สั่งปิดโรงงานบางแห่งที่จีนในวันนี้ เนื่องจากกระแสการประท้วงต่อต้านญี่ปุ่นลุกลามไปทั่วประเทศจีน
ฮอนดา มอเตอร์ กล่าวว่า สั่งปิดโรงงานทั้ง 5 แห่งในจีนเป็นการชั่วคราว จากเหตุรุนแรง ขณะที่นิสสัน มอเตอร์ ปิดโรงงาน 2 แห่งจากทั้งหมด 3 แห่ง ส่วนโตโยตา มอเตอร์ ลดกำลังการผลิตในจีนแต่ไม่เผยรายละเอียด โฆษกฮอนดาเปิดเผยว่า ตัดสินใจหยุดการผลิตทั้งหมดในวันนี้และวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) และยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะเปิดโรงงานได้อีกเมื่อใด แม้จะสามารถผลิตรถยนต์ภายในโรงงานได้ต่อไป แต่การส่งมอบให้กับดีลเลอร์อาจมีปัญหา
ทั้งนี้ ฮอนดาสามารถผลิตรถยนต์จากโรงงาน 5 แห่งในจีนกว่า 970,000 คันต่อปี ขณะที่นิสสันถือว่าจีนเป็นตลาดเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ด้านโฆษกของนิสสันเผยว่า นับตั้งแต่วันนี้ นิสสันจะพิจารณาสถานการณ์เป็นรายวันเพื่อดูว่าจะตัดสินใจอย่างไร แม้จะไม่เกิดความเสียหายใดๆต่อตัวโรงงานหรือเครื่องจักร แต่ความปลอดภัยของบุคลากรต้องมาเป็นลำดับแรก
ส่วนโตโยต้า ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดถึงการปิดโรงงานประกอบ 3 แห่ง และโรงงานอื่นๆอีก 6 แห่ง โดยระบุเพียงบริษัทคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นหลัก
ทางด้านผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนได้มารวมตัวกันด้านนอกสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงปักกิ่งอีกครั้งในวันนี้ บางคนขว้างปาขวดน้ำไปยังอาคารสถานทูต ซึ่งมีตำรวจยืนคุ้มกันความปลอดภัยอย่างแน่นหนา
ส่วนในบริเวณน่านน้ำใกล้หมู่เกาะเซนกากุ หน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นกล่าวว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ในเวลานี้ว่ามีเรือประมงของจีนเดินทางมาที่หมู่เกาะเซนกากุ แต่ได้สังเกตเห็นเรือตรวจการณ์ประมงลำหนึ่งของจีนลอยลำอยู่ในน่านน้ำใกล้หมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาทเมื่อเวลาก่อน 07.00 น. วันนี้ ซึ่งตรงกับเวลา 05.00 น.ตามเวลาไทย โดยเรือดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
ที่มา : matichon.co.th
47
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / สอศ.รับมอบรถยนต์ฝึกปฏิบัติงานจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
เมื่อ: กันยายน 24, 2012, 12:04:33 PM
สอศ.รับมอบรถยนต์ฝึกปฏิบัติงานจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดพิธีรับมอบรถยนต์ฝึกปฏิบัติงานจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้แก่วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น และวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ สถานศึกษาละ 2 คัน รวม 6 คัน เพื่อนำไปใช้ประกอบการเรียนการสอนและพัฒนา การจัดการเรียนการสอนแผนกวิชาช่างยนต์ให้ได้ตามมาตรฐานทันต่อการพัฒนาของเทคโนโลยียานยนต์ชั้นสูงและตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ณ ห้องประชุม 1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมีนายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
นายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า การรับมอบรถยนต์เพื่อใช้ในการฝึกปฏิบัติงานในครั้งนี้ จะทำให้ครู นักเรียน นักศึกษา ได้เรียนรู้ด้านเทคโนโลยียานยนต์ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนการสอนอาชีวศึกษา ทันต่อการพัฒนาของเทคโนโลยียานยนต์ชั้นสูงและตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน เนื่องจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่ทันสมัย บุคลากรมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และได้มาตรฐานสากล
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้มีโครงการความร่วมมือทางวิชาการกับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (Toyota Technical education Program : T-TEP) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา สาขาเทคโนโลยียานยนต์ให้กับสถานศึกษาสังกัดสอศ. สำหรับสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการนี้มีจำนวน 19 แห่ง โดยแบ่งเป็นวิทยาลัยเทคนิค 9 แห่ง เข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ด้านเทคนิคยานยนต์ และวิทยาลัยสารพัดช่าง 10 แห่ง เข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านตัวถังและสีรถยนต์ โดยในระยะแรกได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันการศึกษาทางวิชาการด้านเทคโนโลยียานยนต์ เพื่อเป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ประจำภาค ในสถานศึกษาประเภทวิทยาลัยเทคนิค สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 6 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี และวิทยาลัยเทคนิคจุฬาภรณ์ (ลาดขวาง) และได้ขยายเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น และวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ ซึ่งในวันนี้ บริษัทได้มอบรถกระบะไฮลักซ์วีโก้ ให้แก่สถานศึกษาทั้ง3 แห่ง ๆ ละ 2 คัน รวมจำนวน 6 คัน เพื่อใช้ในการฝึกภาคปฏิบัติแก่นักศึกษา นอกจากนี้แล้ว ยังได้มอบวัสดุ อุปกรณ์ สื่อการเรียนการสอน อาทิ ชุดเครื่องยนต์สาธิตการทำงานของเครื่องยนต์ และวิเคราะห์ปัญหาแบบแก๊สโซลีนและดีเซล ชุดฝึกสาธิตการทำงานระบบไฟฟ้าเบื้องต้น รวมถึงสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยในรูปแบบ CD-ROM เพื่อให้สามารถรองรับกับพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ตลอดจนรองรับกับความต้องการของตลาดแรงงานด้วย
ภาวิณี : ข่าว / นภดล : ภาพ
กลุ่มประชาสัมพันธ์
48
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / "ปตท.-โตโยต้า" ปั้นพลังงานทางรอด เข็น "บีเอชดี" สู้น้ำมันแพง
เมื่อ: กันยายน 22, 2012, 11:45:01 PM
เมื่อพลังงานหลักของโลกอย่างน้ำมันมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาคพลังงานและธุรกิจทั่วโลก ที่ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงเกิดแผนการลดการนำเข้าน้ำมันขึ้นในหลายประเทศ ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน
สำหรับประเทศไทยมีแผนพัฒนาพลังงานทางเลือก 10 ปี ที่วางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนให้เป็นร้อยละ 25 ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของประเทศไทยในปี 2564
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่คือ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงร่วมกันพัฒนาโครงการพลังงานทางเลือกมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ "ความร่วมมือวิจัยและพัฒนาน้ำมันดีเซลสังเคราะห์จากพืชน้ำมัน" ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2551-2555 ใน 3 ประเภทคือ น้ำมันปาล์ม การใช้สบู่ดำ และเทคโนโลยีล่าสุดคือ "บีเอชดี" หรือไบโอ ไฮโดรจิเนต ดีเซล (Bio Hydrogenated Diesel)
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บีเอชดี คือการนำน้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์มาผ่านกระบวนการไฮโดรจิเนชั่น เพื่อให้ได้น้ำมันบีเอชดี ซึ่งมีโครงสร้างเช่นเดียวกับน้ำมันดีเซล เมื่อนำมาทดสอบกับรถยนต์ดีเซล สามารถใช้ผสมกับน้ำมันได้มากกว่า 5% และสามารถผสมในค่าที่เหมาะสมได้ถึง 20%
สำหรับการใช้บีเอชดีนั้นมีข้อดีหลายด้านคือ มีค่าซีเทนที่สูงกว่าน้ำมันดีเซลทั่วไป คือราว 61 ขณะที่น้ำมันดีเซลทั่วไปมีค่าซีเทนที่ 55-56 นอกจากนี้ยังทำให้รถยนต์สตาร์ตติดง่าย เครื่องยนต์มีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ มีการปล่อยมลพิษทางไอเสียน้อยลง ปล่อยควันดำลดลง 20% และปล่อยไฮโดรคาร์บอนลดลง 30% รวมถึงไม่ส่งผลกระทบไม่มีการกัดกร่อนต่อชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ด้วย
ส่วนข้อจำกัดของเทคโนโลยีดังกล่าวคือยังคงมีต้นทุนที่สูง ที่คาดว่าราคาจะสูงกว่าราคาน้ำมันดีเซลทั่วไป ที่ 8-9% หรือมากกว่า 2.74 บาทต่อลิตร (อ้างอิงจากราคาน้ำมันดีเซลที่ประมาณ 30 บาทต่อลิตร) การนำพลังงานดังกล่าวมาใช้จึงต้องพิจารณาจากราคาน้ำมันที่ต้องสูงพอ ที่จะทำให้การใช้บีเอชดีนั้นคุ้มทุน คาดว่าราคาน้ำมันดิบต้องอยู่ที่ราว 140 เหรียญต่อบาร์เรลขึ้นไป
ส่วนพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ก่อนหน้านี้โตโยต้าก็ได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ศึกษาพัฒนาพลังงานทางเลือกมาตั้งแต่ปี 2543 ด้วยการเริ่มต้นพัฒนาผสมน้ำมันปาล์มลงในน้ำมันดีเซล ซึ่งสามารถผสมลงไปได้ 10% หลังจากนั้นจึงได้วิจัยการใช้ต้นสบู่ดำ ที่พัฒนาทั้งระบบตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ การทดลอง การดูแล ไปจนถึงกระบวนการหีบ ออกมาผสมกับไบโอดีเซล ซึ่งมีผลผลิตต่อไร่ราว 250 ลิตรต่อไร่ ต่ำกว่าน้ำมันปาล์มที่มีผลผลิต 500 ลิตรต่อไร่ ซึ่งโครงการดังกล่าวใกล้จะสิ้นสุดเร็ว ๆ นี้
ทำให้เมื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการใช้งานกับต้นทุนทั้งหมดนั้น นายนินนาทมองว่า น้ำมันปาล์มยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสูงสุด เนื่องจากจำนวนน้ำมันปาล์มที่ผลิตได้อยู่จำนวนมากในปัจจุบัน อันดับสองคือสบู่ดำ เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนโดยเฉพาะ ส่วนบีเอชดีนั้นแม้จะเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพดี แต่ก็ยังมีต้นทุนการผลิตที่สูงอยู่ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีไฮโดรจิเนตซึ่งมีต้นทุนสูงกว่า
"บีเอชดีถือเป็นพลังงานทางเลือกใหม่ที่ประเทศไทยเป็นผู้คิดค้นได้รายแรกในเอเชีย หากจะนำมาใช้จริง ราคาน้ำมันก็ต้องสูงพอสมควร เพราะยังมีต้นทุนการผลิตทั้งหมดที่สูงกว่าน้ำมันดีเซลทั่วไป แต่เราก็ไม่ได้มุ่งเน้นการพัฒนาเชื้อเพลิงใดเชื้อเพลิงหนึ่ง ทั้งน้ำมันปาล์ม สบู่ดำ และบีเอชดี ก็เป็นพลังงานทางเลือกที่เราเตรียมพร้อมไว้ใช้ในอนาคต หากราคาน้ำมันสูงกว่านี้ไปเรื่อย ๆ" นายนินนาทกล่าว
ด้านนางรัตนาวลี อินโอชานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้การพัฒนาพืชน้ำมัน
บีเอชดีนั้นอยู่ในขั้นตอนใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว มีการทดสอบการใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลที่เติมน้ำมันดังกล่าวในระยะทาง 100,000 กิโลเมตร ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีผลการทดสอบที่น่าพอใจ บีเอชดีไม่
ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ในเครื่องยนต์
แต่การจะนำมาใช้งานจริงนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประเด็น คือ
1.การจัดหาวัตถุดิบ เพื่อให้ได้ราคาน้ำมันที่แข่งขันได้
2.ความต้องการของตลาด และ
3.ต้นทุนการผลิตทั้งหมด
ซึ่งในด้านเทคโนโลยีนั้นมีความพร้อมในการผลิตได้ทันที แต่หากจะผลิตเพื่อการพาณิชย์ก็จะต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อีกครั้ง
49
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / โตโยต้าฯ เผยยอดขายรถทั้งระบบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 63.9%
เมื่อ: กันยายน 22, 2012, 11:33:39 PM
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตัวเลขยอดขายรถยนต์ทั้งระบบ ในเดือนส.ค.ที่ 129,509 คัน เพิ่มขึ้น 63.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ทั้งระบบในเดือนก.ค.อยู่ที่ 131,646 คัน เพิ่มขึ้น 80.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ก่อนหน้านั้นโตโยต้าฯ เพิ่มคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ทั้งระบบในปี 55 เป็น 1.2 ล้านคัน เติบโตราว 51.1% จาก 7.94 แสนคันในปีที่แล้ว
50
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / "รมว.คลัง"ตอบโจทย์ ปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ให้เวลาผู้ผลิตปรับตัว 3 ปี
เมื่อ: กันยายน 18, 2012, 10:03:42 PM
สัมภาษณ์
จากที่รัฐบาลมีนโยบายยกเครื่องโครงสร้างภาษีรถยนต์ โดยยึดหลักการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มาคำนวณภาษี แทนหลักการเดิมที่คำนวณจากปริมาตรกระบอกสูบ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่า รัฐบาลเตรียมนำโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่เข้า ครม. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งได้สร้างความสับสนให้กับวงการอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างมาก
ล่าสุด "ประชาชาติธุรกิจ" ได้สัมภาษณ์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงข้อสรุปและความชัดเจนในการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ดังต่อไปนี้
- ความชัดเจนเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ หาก จะมีการประกาศปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์จะไม่มีผลบังคับใช้ทันที อย่างแน่นอน การประกาศจะต้องมีเวลาล่วงหน้าอย่างน้อย ๆ 3-4 ปี เพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เป็นเงื่อนไขในอัตรา ภาษี จะได้ไปลงทุนในระบบผลิตเครื่องยนต์ต่าง ๆ ให้สอดคล้อง รวมถึงผู้บริโภคก็ไม่ต้องกังวลเช่นกัน
ผมใช้คำว่า 3-4 ปี เพราะฉะนั้นในแง่ของผู้บริโภคก็ไม่ต้องกังวลอะไร และในแง่ผู้ผลิตก็ไม่ต้องกังวลว่าพอประกาศมาแล้วจะต้องมีผลทันที หลักการจะเป็นอย่างนี้
นอกจากนี้ก่อนที่จะออกมาจะดูกันให้รอบคอบ ว่า อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แบบไหน เทียบกับซีซี (ขนาดเครื่องยนต์) แบบไหน ควรเป็นอัตราภาษีเท่าไหร่ รวมทั้งหลักการของรัฐบาลนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่า เราไม่ได้ประสงค์จะไปขยับอัตราภาษีอะไร ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องของการจะไปขึ้นอัตราภาษียกแผง
- รอบคอบเตรียมเสนอ ครม.หรือยัง ยัง ไม่เรียบร้อย กรณีที่มีข่าวว่าจะเข้า ครม.มา 2-3 สัปดาห์นั้น ยืนยันว่าข่าวไม่ถูกต้อง เรื่องที่จะต้องทำให้ดีในระยะยาว ๆ ไม่จำเป็นต้องรีบ เรื่องนี้ศึกษาอีกปีหนึ่งก็ยังได้เลย แต่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าเมื่อประกาศออกมาแล้ว กลายเป็นว่าไม่ถูกต้อง แล้วมานั่งแก้ไขกัน การประกาศแล้วเพื่อจะให้มีผลในอีก 3-4 ปี ก็ต้องดูให้รอบคอบ ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องอะไรที่จะต้องมาเร่งรัด
- แสดงว่าจะยังไม่เสนอ ครม. ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ก็ไม่ควรจะเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะยื้อไปเรื่อย ๆ ส่วนที่ต้องการความรอบคอบก็ต้องการความรอบคอบ
- โครงสร้างที่สรรพสามิตเสนอมาถือว่ารอบคอบหรือยัง ไม่ แน่ใจ เพราะมีหลายเวอร์ชั่นมาก แม้กระทั่งของกรมสรรพสามิตเองก็มีหลายทางเลือกเป็นข้อเสนอ รวมทั้งภาคเอกชนที่หูไวตาไวก็มีการเสนอข้อคิดเห็น ทั้งเห็นด้วยและทักท้วงเข้ามา ซึ่งคลังก็ต้องฟังให้รอบคอบ เมื่อประกาศแล้ว ก็ต้องให้สังคมมั่นใจว่าไม่ได้ไปเอื้อใคร และตอบโจทย์เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานที่เหมาะสม
ใน อดีตภาษีรถยนต์จะเน้นอยู่ที่ซีซี กับเน้นอยู่ที่การประหยัดพลังงาน เช่น ไฮบริด เป็นต้น โดยสิ่งที่ควรคำนึงในเวลานี้คือการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็วัดกันที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัมต่อกิโลเมตร ที่รถวิ่ง ทั้งนี้ก็มีทั้งรถที่ซีซีสูง แต่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ และรถที่ซีซีต่ำ แต่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูง ดังนั้นโครงสร้างภาษีรถยนต์ในอนาคตก็ควรจะดูแลทั้ง 2 ส่วนไปด้วยกัน
ถ้า ซีซีต่ำ แล้วปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ ก็ดีทั้ง 2 ฝ่าย แต่ถ้าซีซีต่ำ แต่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูง ภาษีก็อาจจะไม่ต่ำก็ได้ ทั้งนี้โจทย์ชัดเจนว่า อัตราภาษีสำหรับกลุ่มที่ใช้พลังงานต่ำ ซีซีต่ำ ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ กลุ่มที่ใช้พลังงานสิ้นเปลืองและปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูง ก็ต้องเสียอัตรา ที่สูงกว่า ก็ยากตรงนี้ เพราะมีพวกซีซีสูง ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ พวกซีซีต่ำ ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูง ถ้าต่ำหรือสูงทั้งคู่ก็ง่าย แต่ตรงกลางนี่แหละต้องดูให้รอบคอบ
ที่มา : prachachat.net
52
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Innova Club โตโยต้า อินโนวาคลับ / โตโยต้า อินโนวา ใหม่ล่าสุด
เมื่อ: กันยายน 14, 2012, 08:56:42 PM
โตโยต้า อินโนวา ใหม่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ โตโยต้า อินโนวา รุ่นปรับปรุงใหม่ล่าสุด ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น เหนือระดับ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัยเพื่อเพิ่มความสุขของทุกคนในครอบครัว ลงตัวด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ให้ความมั่นใจทุกการเดินทาง
โตโยต้า อินโนวา ใหม่ รองรับมาตรฐานยูโร 4
ภายนอก กล้องมองหลัง เพิ่มความแม่นยำในขณะถอยจอดรถ*
เซ็นเซอร์ช่วยกะระยะขณะถอยหลัง เพิ่มความปลอดภัยขณะถอยรถเพื่อจอด**
ภายใน ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้วและ รีโมทคอนโทรล อุ่นใจทุกการเดินทาง*
จอ LCD ภายในห้องโดยสารขนาด 10.2 นิ้ว เต็มอิ่มความบันเทิงทั้งครอบครัว ให้เพลิดเพลินตลอดการเดินทาง
พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 4 ก้าน หัวเกียร์หุ้มหนัง และแผงคอนโซลกลางพร้อมตกแต่งสีเมทัลลิก เเละลายไม้ ผสมผสานความหรูหรา และ นำสมัยอย่างลงตัว
ระบบปรับอากาศเเบบดิจิตัลอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศแถว 2 และ แถว 3 ดีไซน์โดดเด่น ทันสมัย***
4 สี ใหม่ ในสไตล์เรียบหรู ใหม่ Grey Mica Metallic (สีใหม่) ***
White Solid ***
Silver Metallic
Black Mica
ราคา (รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม)
2.0V A/T ราคา 1,114,000 บาท
2.0G Option A/T ราคา 1,009,000 บาท
2.0G A/T ราคา 954,000 บาท
2.0 E M/T ราคา 849,000 บาท
พบกับโตโยต้า อินโนวา ใหม่ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยดีไซน์เหนือระดับ ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่าย โตโยต้า 346 แห่ง ทั่วประเทศ
* (เฉพาะรุ่น 2.0V A/T เท่านั้น)
** (เฉพาะรุ่น 2.0G และ 2.0G option A/T เท่านั้น)
*** (ยกเว้นรุ่น 2.0E M/T)
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ โตโยต้า อินโนวา
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i รหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร
กำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ ที่ 5,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 182 นิวตัน – เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (สำหรับเกรด G และ V)
เกียร์ธรรมดา 5 สปีด (สำหรับเกรด E)
ระบบเสริมความปลอดภัย ถุงลมเสริมความปลอดภัย (SRS)
ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)
ระบบเปิด / ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม
โครงสร้างนิรภัย GOA พร้อมคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง
พวงมาลัยและแป้นเหยียบเบรกแบบยุบตัวได้ พร้อมวาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติ ในกรณีฉุกเฉิน
57
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / โตโยต้าลุ้นเปิดตัวอีโคคาร์ ให้ทัน รถคันแรก สิ้นปี ดีลเลอร์หยุดรับ "วีออส"
เมื่อ: สิงหาคม 29, 2012, 11:32:51 PM
ที่มา นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2555
ยักษ์ใหญ่ โตโยต้า เร่งปั๊ม "วีออส" รับออเดอร์พุ่งเดือนละ 1 หมื่นคัน รับบางโชว์รูมยังงดรับจอง หลังคิวยาวถึงปีหน้า เร่งปรับปรุง "อีโค" โชว์รูม เพิ่มดีลเลอร์ เร่งส่งแผนอีโคคาร์ให้สรรพสามิต-บีโอไอเคาะ หวังลุ้นรับจองให้ทันปีนี้
หลังจากโชว์รูมรถยนต์หลายแห่งปิดรับ จองรถ เพราะไม่สามารถผลิตและส่งมอบให้ลูกค้าได้ทัน เนื่องจากรัฐบาลได้จัดโครงการรถคันแรก ต่อมารัฐบาลอนุมัติขยายเวลารับรถสาหรับผู้จองรถตามนโยบายรถคันแรก จะหมดเขตจองสิทธิสิ้นปีนี้ โดยไม่กำหนดระยะเวลารับรถนั้น
แหล่งข่าวจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จากัด เปิดเผยว่า ผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) บางรายยังคงปิดรับจองรถยนต์โตโยต้า วีออสอยู่ เนื่องจากทางโตโยต้าได้ประกาศแผนการผลิตไปแล้วว่า จนถึงสิ้นปีจะสามารถผลิตได้เต็มที่เท่าไร ดีลเลอร์รายใดจะได้โควต้ารถยนต์เท่าไรบ้าง ดังนั้น ดีลเลอร์บางรายจึงไม่กล้ารับจอง เพระกำหนดรับลูกค้าบางรายจะได้รถประมาณธันวาคมปีนี้ หรือมกราคมปีหน้า ขณะนี้รถเก๋งเล็กขนาดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร อย่างวีออส มียอดขายเดือนละประมาณ 9 พัน ถึง 1 หมื่นคัน ส่วนยารีส เดือนละประมาณ 1 พันคัน อย่างไรก็ตาม บางดีลเลอร์อาจจะยังรับจองอยู่บ้าง ขึ้นกับว่ามีสต๊อกเหลือเท่าไหร่ ตอนนี้ของแถมให้กับลูกค้าที่มาจองวีออสอาจจะน้อย แต่บางดีลเลอร์อาจจะใช้ส่วนลดเป็นของแถม ขึ้นอยู่กับการนำเสนอของแต่ละดีลเลอร์
แหล่งข่าวกล่าวว่า สาหรับยอดขายรถยนต์เก๋งอย่าง คัมรี รุ่น 2.0 ลิตร มียอดขายประมาณ 60% ของยอดขายคัมรี ส่วนรุ่นไฮบรีด 40% ระยะเวลาการรับรถ 2-3 เดือน รถปีกอัพวีโก้เครื่องยนต์ดีเซล ประมาณ 2-3 เดือน รุ่นเบนซิน 2.7 ลิตร ประมาณ 4 เดือน รถปิกอัพดัดแปลงอเนกประสงค์หรือพีพีวี ประมาณ 5-6 เดือน ล่าสุด ตอนนี้เปีดตัวรุ่นวีโก้ กับฟอร์จูนเนอร์ใหม่ออกมาแล้ว ทางโตโยต้าคาดว่าปีนี้ยอดขายในประเทศประมาณ 1.2 ล้านคัน โตโยต้า จะผลิตได้เกิน 8 แสนคัน นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เคยผลิตรถในประเทศไทย และเป็นยอดขายสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของโตโยต้า ล่าสุด จัดกิจกรรมถนนแห่งรอยยิ้ม 5 แห่ง ลงนามในบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูไปแล้วที่อุดรธานี ต่อไปจะเป็นที่ เชียงใหม่ ชุมพร สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา จะเน้นด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและสวยงาม รวมทั้งยังมีกิจกรรมพัฒนาโชว์รูมเป็น อีโคโชว์รูม ลดการใช้พลังงาน มีเป้าหมายปีนี้ 5 แห่ง ทำแล้ว 2 แห่ง ที่ปากช่องและปทุมธานี ส่วนปีหน้ามีเป้าหมาย 9 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโชว์รูมใหม่
ในอนาคตมีแผนจะปรับปรุงทุกโชว์รูม แต่ไม่ได้ใช้งบลงทุนเพิ่มมากมาย เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพลดการใช้พลังงาน ปัจจุบันโตโยต้ามีดีลเลอร์ทั้งหมด 120 ราย 343 โชว์รูม ปีนี้จะเพี่มอีก 2-3 แห่ง เช่น ภูเก็ต 2 แห่ง เป็นรายเดิม 1 แห่ง และรายใหม่ 1 แห่ง เป็นการร่วมทุนระหว่างคนไทยกับญี่ปุ่นอีก 1 แห่ง
ช่วงปลายปีจะมี ลูกค้าแห่ไปจองรถจำนวนมาก ก่อนหมดเขตโครงการรถคันแรก โตโยต้าไม่แน่ใจว่าจะแนะนำและรับจองรถยนต์อีโคคาร์ปีนี้ทันหรือไม่ ขณะนี้ส่งเรื่องไปยังกรมสรรพสามิตและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแล้ว (บีโอไอ) แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตกล่าวว่า ขณะนี้ทางโตโยต้ากาลังเร่งเสนอของอนุมัติโครงการอีโคคาร์แล้ว เพื่อให้ทันโครงการรถคันแรกในปีนี้
58
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / "อีโคคาร์โตโยต้า"วืดรถคันแรก!! สรรพสามิตยันต้องผลิตขายปีนี้
เมื่อ: สิงหาคม 29, 2012, 11:19:55 PM
สรรพสามิตดับฝัน "โตโยต้า" ส่งอีโคคาร์เข้าร่วมโครงการรถคันแรก อธิบดียันต้องเป็นรถที่ผลิตและจำหน่ายในปี"55 ปิดทางผู้ผลิตเอารถเปิดตัวปีหน้ามาเข้าโครงการ เปิดข้อมูลค่ายโตโยต้ามีเก๋งเข้าโครงการถึง 48 รุ่น ขณะที่ "อีซูซุ" ครองแชมป์รถเข้าโครงการมากสุด 120 รุ่น เผย "แจ๊ซ-ไฮบริด" และ "โซนิค" ได้รับสิทธิ์แล้ว
จากกรณีที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 30 ก.ค.ที่ผ่านมาได้ขยายเวลาการส่งมอบรถยนต์ในโครงการรถคันแรกออกไปแบบไม่มี กำหนด เพียงแต่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องจองซื้อภายใน 31 ธ.ค. 2555 ทั้งนี้มีกระแสข่าวระบุว่า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งมีแผนจะเปิดตัว
"อีโคคาร์" ในช่วงเดือนมีนาคม 2556 อาจปรับแผนโดยนำอีโคคาร์มาเปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์ช่วงปลายปีนี้ พร้อมกับเปิดให้ประชาชนสั่งจองซื้อล่วงหน้าเพื่อขอรับสิทธิ์แต่ส่งมอบในปี 2556
นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากมติคณะรัฐมนตรีที่ได้อนุมัติการขยายเวลาการส่งมอบรถยนต์ในโครงการรถยนต์ คันแรกนั้น เนื่องจากเห็นว่าบริษัท
ผู้ผลิตอาจมีปัญหาส่งมอบรถไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ต้องไม่เอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการมากจนเกินไป เพียงแต่ช่วยเหลือให้ส่งมอบรถยนต์ได้ตามเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
อธิบดี กรมสรรพสามิตยืนยันว่า รถยนต์ที่จะได้รับสิทธิ์เข้าโครงการรถคันแรกต้องผ่านเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน โครงการ โดยจะต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิต เสียภาษี
สรรพสามิตและเริ่มจำหน่ายในปี 2555 เท่านั้น ส่วนรถยนต์ที่ค่ายรถจะนำออกเปิดตัวในปีหน้า หากยังไม่ได้ผลิต เสียภาษี
สรรพ สามิตและเริ่มจำหน่ายในปีนี้ จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้โดยเด็ดขาด นอกจากนี้ผู้ประกอบการต้องหารือกับกรมสรรพสามิตเกี่ยวกับรายละเอียดของรถที่ จะนำเข้าโครงการดังกล่าวก่อนจึงจะได้สิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการ
"รถ ที่จะเปิดตัวปีหน้าเข้าร่วมโครงการไม่ได้ เพราะเราบอกแล้วว่า ต้องเป็นรถที่จำหน่ายในปีนี้ คือเราให้เลื่อนส่งมอบ ไม่ใช่เลื่อนโครงการ และรถที่จะเข้าโครงการก็ต้องมาให้กรมดูก่อน ว่ามีการผลิตและเสียภาษี ณ โรงงานอุตสาหกรรมแล้วในปีนี้ ดังนั้นยืนยันว่า ไม่ได้เอื้อให้ผู้ประกอบการขนาดนั้นแน่นอน" นางเบญจากล่าวและว่า
หาก มีกรณีค่ายรถยนต์จะนำรถต้นแบบมาให้จองในปีนี้ หรือในงานมอเตอร์โชว์ช่วงปลายปีนี้ แต่หากไม่เข้าเงื่อนไขตามที่ระบุก็ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้เช่นกัน
ทั้ง นี้ สำหรับเงื่อนไขรถยนต์คันแรกที่กำหนดไว้ตามมติ ครม.เดิมคือ 1.ต้องเป็นรถยนต์ใหม่คันแรกที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2555 2.เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน 3.เป็นรถยนต์นั่งขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ซีซี หรือรถยนต์กระบะ (ปิกอัพ) หรือรถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) 4.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมสรรพสามิตรายงานล่าสุด ณ วันที่ 6 ส.ค. 2555 เปิดเผยถึงจำนวนยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรก พบว่าสำหรับรถยนต์นั่งมีทั้งหมด 9 ยี่ห้อ รวม 161 รุ่น มากที่สุดคือยี่ห้อโตโยต้า จำนวน 48 รุ่น รองลงมายี่ห้อ มาสด้ามี 36 รุ่น ยี่ห้อฮอนด้ามี 20 รุ่น (รวมแจ๊ซ-ไฮบริด) ยี่ห้อเชฟโรเลต 19 รุ่น (รวมโซนิค) ยี่ห้อนิสสัน 14 รุ่น ยี่ห้อมิตซูบิชิ 10 รุ่น ยี่ห้อฟอร์ด 7 รุ่น ยี่ห้อเกีย 5 รุ่น และยี่ห้อซูซูกิ 3 รุ่น
ส่วนรถกระบะปิกอัพ มีทั้งสิ้น 8 ยี่ห้อ รวม 248 รุ่น มากที่สุดเป็นยี่ห้ออีซูซุมี 64 รุ่น รองลงมาคือโตโยต้า 43 รุ่น ยี่ห้อเชฟโรเลต 37 รุ่น ยี่ห้อมิตซูบิชิ 28 รุ่น ยี่ห้อนิสสัน 22 รุ่น ยี่ห้อมาสด้า 20 รุ่น ยี่ห้อฟอร์ด 19 รุ่น และยี่ห้อทาทา 15 รุ่น
ขณะที่ในส่วนของรถกระบะดับเบิลแค็บมี 8 ยี่ห้อ รวม 210 รุ่น มากที่สุดคือยี่ห้ออีซูซุมี 56 รุ่น รองลงมายี่ห้อโตโยต้า 47 รุ่น ยี่ห้อเชฟโรเลต 29 รุ่น ยี่ห้อมิตซูบิชิ 24 รุ่น ยี่ห้อนิสสัน 20 รุ่น ยี่ห้อฟอร์ด 16 รุ่น ยี่ห้อมาสด้า 14 รุ่น และยี่ห้อทาทา 4 รุ่น
โดยกรมสรรพสามิตอ้างถึงผลการสำรวจข้อมูลเบื้อง ต้นจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ คาดว่าในปีนี้จะมียอดสั่งจองรถยนต์ที่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์รถยนต์ใหม่คันแรก ประมาณ 425,000 คัน สำหรับยอดขอใช้สิทธิ์คืนภาษีรถคันแรก ณ วันที่ 23 ก.ค.อยู่ที่ประมาณ 1.1 แสนคัน คิดเป็นเงินกว่า 8 พันล้านบาท
แหล่ง ข่าวจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความชัดเจนของนโยบายรถยนต์คันแรกว่า ขณะนี้โตโยต้ารวมทั้งค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ยังต้องรอศึกษารายละเอียดและข้อกำหนดอื่น ๆ โดยเฉพาะเงื่อนไขระยะเวลาการส่งมอบและรถยนต์ที่เข้าข่ายร่วมโครงการ
ส่วน ประเด็นที่หลายฝ่ายต่างเป็นกังวลและคาดการณ์ล่วงหน้าว่า โตโยต้าจะตัดสินใจนำอีโคคาร์ หรือรถต้นแบบของอีโคคาร์มานำเสนอก่อนแผนงานเดิมที่จะแนะนำออกสู่ตลาดราวไตร มาสที่ 1-2 ของปี 2556
บริษัทขอยืนยันว่า ทุกอย่างยังเป็นไปตามนโยบายเดิม พร้อมทั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ นายเคียวอิจิ ทานาดะ ก็ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่า โครงการอีโคคาร์ของโตโยต้านั้นเดินหน้าไปตามเเผนงานที่วางไว้เดิม และไม่มีทางที่บริษัทจะเลื่อนระยะเวลาให้เร็วขึ้นเพื่อดึงตลาดในกลุ่มลูกค้า ที่ซื้อรถยนต์คันแรกแน่นอน
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากแวดวง อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ประเมินสถานการณ์ของตลาดรถยนต์คันแรกที่คาดว่าจะเกิด ขึ้นในปีนี้ว่า กลุ่มค่ายรถยนต์ขนาดใหญ่นั้นยังมีปัญหาด้านกำลังการผลิต เพราะตอนนี้ใช้กันอย่างเต็มที่แล้ว ไม่สามารถเร่งหรือเพิ่มกำลังการผลิตได้มากกว่าเเผนเดิมที่เตรียมในปีนี้
ดัง นั้นให้จับตากลุ่มค่ายรถยนต์ขนาดกลางและขนาดเล็กที่วันนี้กำลังการผลิตยังพอ มีเหลือ อาจจะเร่งเครื่องเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อผลิตรถออกมาตอบสนองความต้องการ ลูกค้า โดยเฉพาะเพื่อใช้สิทธิ์รถยนต์คันแรก
ที่มา prachachat.net
60
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / โตโยต้าลุ้นเปิดตัว"อีโคคาร์" ให้ทันรถคันแรกสิ้นปี ดีลเลอร์หยุดรับจอง"วีออส"
เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 10:18:41 AM
ยักษ์ใหญ่ โตโยต้า เร่งปั๊มวีออส รับออเดอร์พุ่งเดือนละ 1 หมื่นคัน รับบางโชว์รูมยังงดรับจอง หลังคิวยาวถึงปีหน้า เร่งปรับปรุง "อีโค โชว์รูม" เพิ่มดีลเลอร์ เร่งส่งแผนอีโคคาร์ให้สรรพสามิต-บีโอไอเคาะ หวังลุ้นรับจองให้ทันปีนี้
หลังจากโชว์รูมรถยนต์หลายแห่งปิดรับจองรถ เพราะไม่สามารถผลิตและส่งมอบให้ลูกค้าได้ทัน เนื่องจากรัฐบาลได้จัดโครงการรถคันแรก ต่อมารัฐบาลอนุมัติขยายเวลารับรถสำหรับผู้จองรถตามนโยบายรถคันแรก จะหมดเขตจองสิทธิสิ้นปีนี้ โดยไม่กำหนดระยะเวลารับรถนั้น
แหล่งข่าวจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จากัด เปิดเผยว่า ผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) บางรายยังคงปิดรับจองรถยนต์โตโยต้า วีออสอยู่ เนื่องจากทางโตโยต้าได้ประกาศแผนการผลิตไปแล้วว่า จนถึงสิ้นปีจะสามารถผลิตได้เต็มที่เท่าไร ดีลเลอร์รายใดจะได้โควตารถยนต์เท่าไรบ้าง ดังนั้น ดีลเลอร์บางรายจึงไม่กล้ารับจอง เพระกำหนดรับลูกค้าบางรายจะได้รถประมาณธันวาคมปีนี้ หรือมกราคมปีหน้า ขณะนี้รถเก๋งเล็กขนาดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร อย่างวิออส มียอดขายเดือนละประมาณ 9 พัน ถึง 1 หมื่นคัน ส่วนยาริส เดือนละประมาณ 1 พันคัน อย่างไรก็ตาม บางดีลเลอร์อาจจะยังรับจองอยู่บ้าง ขึ้นกับว่ามีสต๊อกเหลือเท่าไหร่
ตอนนี้ของแถมให้กับลูกค้าที่มาจองวิออสอาจจะน้อย แต่บางดีลเลอร์อาจจะใช้ส่วนลดเป็นของแถม ขึ้นอยู่กับการนำเสนอของแต่ละดีลเลอร์
แหล่งข่าวกล่าวว่า สาหรับยอดขายรถยนต์เก๋งอย่าง คัมรี รุ่น 2.0 ลิตร มียอดขายประมาณ 60% ของยอดขายคัมรี ส่วนรุ่นไฮบริด 40% ระยะเวลาการรับรถ 2-3 เดือน รถปิกอัพวีโก้เครื่องยนต์ดีเซล ประมาณ 2-3 เดือน รุ่นเบนซิน 2.7 ลิตร ประมาณ 4 เดือน รถปิกอัพดัดแปลงอเนกประสงค์หรือพีพีวี ประมาณ 5-6 เดือน ล่าสุด ตอนนี้เปิดตัวรุ่นวีโก้ กับฟอร์จูนเนอร์ใหม่ออกมาแล้ว ทางโตโยต้าคาดว่าปีนี้ยอดขายในประเทศประมาณ 1.2 ล้านคัน โตโยต้า จะผลิตได้เกิน 8 แสนคัน นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เคยผลิตรถในประเทศไทย และเป็นยอดขายสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของโตโยต้า ล่าสุด จัดกิจกรรมถนนแห่งรอยยิ้ม 5 แห่ง ลงนามในบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูไปแล้วที่อุดรธานี ต่อไปจะเป็นที่ เชียงใหม่ ชุมพร สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา จะเน้นด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและสวยงาม รวมทั้งยังมีกิจกรรมพัฒนาโชว์รูมเป็น อีโคโชว์รูม ลดการใช้พลังงาน มีเป้าหมายปีนี้ 5 แห่ง ทำแล้ว 2 แห่ง ที่ปากช่องและปทุมธานี ส่วนปีหน้ามีเป้าหมาย 9 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโชว์รูมใหม่
ในอนาคตมีแผนจะปรับปรุงทุกโชว์รูม แต่ไม่ได้ใช้งบลงทุนเพิ่มมากมาย เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพลดการใช้พลังงาน ปัจจุบันโตโยต้ามีดีลเลอร์ทั้งหมด 120 ราย 343 โชว์รูม ปีนี้จะเพิ่มอีก 2-3 แห่ง เช่น ภูเก็ต 2 แห่ง เป็นรายเดิม 1 แห่ง และรายใหม่ 1 แห่ง เป็นการร่วมทุนระหว่างคนไทยกับญี่ปุ่นอีก 1 แห่ง
ช่วงปลายปีจะมีลูกค้าแห่ไปจองรถจำนวนมาก ก่อนหมดเขตโครงการรถคันแรก โตโยต้าไม่แน่ใจว่าจะแนะนำและรับจองรถยนต์อีโคคาร์ปีนี้ทันหรือไม่ ขณะนี้ส่งเรื่องไปยังกรมสรรพสามิตและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)แล้วแหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตกล่าวว่า ขณะนี้ทางโตโยต้ากำลังเร่งเสนอขออนุมัติโครงการอีโคคาร์แล้ว เพื่อให้ทันโครงการรถคันแรกในปีนี้
ที่มา matichon.co.th
61
ซื้อ - ขาย ของตกแต่ง สินค้าที่ระลึกโตโยต้า / สินค้าที่ระลึกโตโยต้า / รับทำเข็มกลัดตามสั่ง เพื่อสื่อโฆษณาประสัมพันธ์ เป็นของทีระลึกในรูปแบบต่างๆ
เมื่อ: สิงหาคม 25, 2012, 11:30:28 AM
รับทำเข็มกลัดกลม ขนาด 3.2 / 4.4 / 5.8ซม. สามารถพิมพ์ภาพ, โลโก้ หรือรูปแบบตามต้องการเพื่อสื่อโฆษณาประสัมพันธ์ เป็นของทีระลึกในรูปแบบต่างๆ ตามต้องการ
www.Jirapreeya.com เรารับทําเข็มกลัดติดเสื้อ ทุกรูปแบบ ตัวอย่างเช่น
เข็มกลัด องค์กร หน่วยงาน เข็มกลัดกิจกรรรมรณรงค์ต่างๆ
เข็มกลัด Group Tour เข็มกลัดงานอบรม สัมมนา
เข็มกลัดป้ายชื่อ เข็มกลัดประชาสัมพันธ์สินค้า
เข็มกลัดประชาสัมพันธ์ ร้านค้า เข็มกลัดคลับ ชมรมต่างๆ
เข็มกลัดเว็บไซต์ เข็มกลัดที่ระลึกต่างๆ
เข็มกลัดงาน Event ต่างๆ เข็มกลัดของชำร่วยงานมงคลต่างๆ
เข็มกลัดรูปภาพบุคคลที่เรารัก เข็มกลัดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
เข็มกลัดรณรงค์ โครงการต่างๆ เข็มกลัดงานแต่ง งานบวช
เข็มกลัดกลุ่ม เข็มกลัดแฟนคลับต่างๆ เข็มกลัดรับน้อง
หรือจะทำ 1 ชิ้นเพื่อเป็นสินค้าเฉพาะกิจ เราก็ยินดีจัดทำให้ค่ะ
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5.8 ซม.
5 ตัว / ตัวละ 35 บาท
10 ตัว / ตัวละ 30 บาท
30 ตัว / ตัวละ 28 บาท
50 ตัว / ตัวละ 25 บาท
100 ตัว / ตัวละ 22 บาท
500 ตัว / ตัวละ 18 บาท
1000 ตัวขึ้นไป ตัวละ 11 บาท
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.2 ซม.
5 ตัว / ตัวละ 20 บาท
10 ตัว / ตัวละ 18 บาท
30 ตัว / ตัวละ 16 บาท
50 ตัว/ตัวละ 14 บาท
100 ตัว/ตัวละ 12 บาท
200 ตัว/ตัวละ 11 บาท
300 ตัว/ตัวละ 10 บาท
500 ตัว/ตัวละ 9 บาท
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.4 ซม.
5 ตัว / ตัวละ 30 บาท
10 ตัว / ตัวละ 25 บาท
30 ตัว / ตัวละ 22 บาท
50 ตัว/ตัวละ 20 บาท
100 ตัว/ตัวละ 17 บาท
200 ตัว/ตัวละ 14 บาท
300 ตัว/ตัวละ 12 บาท
ลูกค้าสั่งทำในนามหน่วยงาน องค์กรต่างๆ เช่น บริษัท โรงงาน โรงเรียน ราชการ ฯลฯ
สั่งทำโดย
1. ขอใบเสนอราคาโดย การ ส่ง รูปภาพ โลโก้ หรือแบบของท่าน ที่ต้องการทำ
ระบุรายละเอียด
1. ขนาด
2. จำนวนที่ต้องการทำ
3. ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร., อีเมล์ ที่สามารถติดต่อได้
มาที่ เมล์
jsatekulpanich@gmail.com หรือ โพสต์ แจ้งในเว็บบอร์ด
2. ทางร้านจะดำเนินการส่งใบเสนอราคาแจ้งให้ทราบเพื่อให้ท่านพิจารณา ลงนามในการสั่งทำ และสแกน เอกสารใบเสนอราคา กลับมาที่ อีเมล์
jsatekulpanich@gmail.com 3. โอนเงิน พร้อมส่งหลักฐานการโอนมาที่ อีเมล์
jsatekulpanich@gmail.com ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา
ชื่อบัญชี จิรปรียา เศรษฐ์กุลพาณิช
สาขา ซอยมังกร สมุทรปราการ
เลขที่บัญชี 641-1-00334-2
ประเภทบัญชี ออมทรัพย์
4. เมื่อตรวจสอบการโอนแล้ว ทางร้านจะเริ่มผลิตสินค้าทันที และส่งสินค้าให้ถึงที่หมายตามกำหนดวันที่ลูกค้าต้องการ โดยพัสดุไปรษณีย์ แบบEMS
ชมผลงานได้ที่เว็บไซต์ของเรา
http://www.jirapreeya.com
63
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Altis Club โตโยต้า อัลติสคลับ / 2012 Toyota Corolla XRS Exterior and Interior at 2012 Montreal Auto Show
เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 08:04:20 PM
2012 Toyota Corolla XRS Exterior and Interior at 2012 Montreal Auto Show
VIDEO
2012 Toyota Corolla XRS Exterior and Interior at 2012 Montreal Auto Show
Welcome to AutoMotoTube!!!
On this channel you will find videos of cars, motorcycles, motorboats, yachts, motor homes and everything that moves on wheels or in the water. In most of my short videos (2-5min), I take a look at the exterior design and interior arrangements of the vehicle, so you can receive general idea and appreciation of certain brand or model. My coverage is from Auto, Moto, Boat shows and dealerships from Montreal, Toronto and New York City areas and I have more than 900 High Definition videos, organized in playlist. To find a video of a certain model in my channel, just write the brand and model name in the search bar above, or have a look in my playlist. I am trying to constantly improve the quality of my videos, so you can enjoy in a better way all these beautiful pieces of machinery!
ที่มา :
http://www.youtube.com/watch?v=-9qG3UgodXg
65
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Camry Club โตโยต้า แคมรี่ คลับ : All New Camry / 2012 Toyota Camry
เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2012, 05:06:22 AM
2012 Toyota Camry
VIDEO
Last year, Australian freelance TVC director Juan Jaramillo was developed by Toyota Motor Corporation, an international advertising agency Hakuhodo has chosen to jump start a film for the detection of global brand-new seventh generation Camry at the Guangzhou Motor Show.
The brief for the film was to evaluate the new generation of the Camry as a strong style, new age car, with a rational appeal, but ultra-technological and packed with new features revealed.
The two new models (including sports and luxury cars), followed by a completely new design in which every external body panel is relabelled, this meant the resumption was to be organized as an intelligence operation. Security personnel took outnumbered 5-1 as lighting and entire blocks of downtown Shanghai and the nearby highway, where armored, to pray to the vehicle from the eyes (and phones) to protect the pedestrians. The production department liaised closely with the local police to ensure site security and crowd control at each site.
"The customer was sensitive to the fact that the media does not take a look at the new design caught and we all felt a great responsibility to do everything possible to ensure that this remained so during the shoot," said Juan.
After all, director biggest challenge was still time! The late fall in China's often a bit stormy and "disturbing." As I mentioned on the treatment of the film in a graph, that the typical car advertisement, to have committed an ultra-high-tech look and dramatic receive, we had to to shoot, when there were short periods of bright light, you risk serious reflections on the car, but the resulting material with implications far offered a contrast to the hard work. We spent some 'time in telecine, balancing the brightness of the images that conceal the origin and generally make the car stand "... he reminds himself." I liked the final effect, but it was not nearly enough, colorful, so we made a couple of steps more than the addition of a little "blur of motion for the background and the establishment of the opacity, some bring back color. finally topping it all shows with virtual rather extreme, rockets and hot spots to end up somewhere near the modern, clean feeling, the customer expects. "
66
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / Toyota Hybrid Expo 2012 เทคโนโลยีไฮบริดเต็มรูปแบบ 5 จว.ทั่วประเทศ
เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2012, 08:08:59 PM
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงการจัดงานแสดงเทคโนโลยีไฮบริดเต็มรูปแบบ สู่สาธารณชนทุกภูมิภาค 5 จังหวัดทั่วประเทศ ในงาน “Toyota Hybrid Expo 2012” ระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึง พฤศจิกายน ศกนี้ เพื่อตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีไฮบริดเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดกว่า 4 ล้านคันทั่วโลก
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้มีการแนะนำเทคโนโลยี Hybrid Synergy Drive สู่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในรถยนต์ คัมรี ไฮบริด เมื่อปี 2552 โดยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระยะเวลาอันสั้น จากนั้นในปี 2553 โตโยต้าจึงได้แนะนำรถยนต์ไฮบริดที่มีชื่อเสียงระดับโลก โตโยต้า พริอุส เข้าสู่ตลาดเพื่อเป็นการตอบรับกระแสความนิยมของเทคโนโลยีไฮบริดในขณะนั้น มาจนถึงในปี 2555 นี้ โตโยต้าได้ทำการแนะนำรถยนต์เทคโนโลยีไฮบริดเพิ่มเติมอีก 2 รุ่น ได้แก่ พริอุส ซี และ อัลฟาร์ด ไฮบริด เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นและความใส่ใจในด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า และทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าไฮบริดในประเทศไทย จนถึงปัจจุบันนี้ มีจำนวนสูงถึงกว่า 30,000 คัน ภายในช่วงระยะเวลาเพียง 3 ปี
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงขอนำทุกคนร่วมเดินทางสู่โลกการขับขี่แห่งอนาคตกับการจัดงานแสดงเทคโนโลยีไฮบริดเต็มรูปแบบ “Toyota Hybrid Expo 2012…The Intelligent Drive for Tomorrow” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้า และสื่อสารให้ลูกค้าและสาธารณชนทั่วไป ได้มีความรู้ความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้น เกี่ยวกับระบบไฮบริด เทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะแห่งอนาคต ที่ให้สมรรถนะอันดีเยี่ยม ห้องโดยสารที่เงียบสงบ ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแนวคิดในการพัฒนายานยนต์ที่โตโยต้าใส่ใจและให้ความสำคัญมาโดยตลอด
งานแสดงเทคโนโลยีไฮบริด “Toyota Hybrid Expo 2012” จะจัดขึ้นใน 5 จังหวัด ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต ขอนแก่น และ เชียงใหม่ โดยภายในงานจะมีการจัดแสดงเทคโนโลยีไฮบริด ผ่านสื่อ Interactive ในรูปแบบต่างๆ ท่ามกลางธีมบรรยากาศของป่าแห่งอนาคตที่สุดล้ำเหนือจินตนาการ โดยแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ได้แก่
โซน Why Hybrid….นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ผ่านทางอุโมงค์ 4มิติ ในรูปแบบของแสง สี เสียง และหมอกควัน ที่จะแสดงให้เห็นถึงปัญหามลภาวะในปัจจุบันซึ่งเกิดจากการกระทำของมนุษย์ พร้อมทั้งอธิบายถึงเทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกที่สามารถมีส่วนช่วยในการลดมลภาวะและรักษาสิ่งแวดล้อมได้
โซน History of Toyota Hybrid…นำเสนอข้อมูลผ่านทางวิดีโอกราฟฟิค ที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของเทคโนโลยีไฮบริด ตลอดจนความสำเร็จของรถยนต์โตโยต้าไฮบริด นับตั้งแต่เริ่มแนะนำเข้าสู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรกในปี 2540 จนถึงปัจจุบัน
โซน Hybrid Technology…นำเสนอข้อมูลผ่านทางสื่อผสมระบบสัมผัส (Interactive screen & Games) เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำงานของระบบไฮบริด พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่น และการรับรู้ถึงประโยชน์ของระบบไฮบริด
· แสดงให้เห็นถึงวิธีการทำงานอย่างชัดเจนของระบบไฮบริด ผ่านทางจอสัมผัส และ PRIUS Cut Body
· นำเสนอลักษณะเด่นของระบบไฮบริดของโตโยต้า และไฮบริดระบบอื่นๆ
· นำเสนอคุณประโยชน์ 4 ข้อหลักของระบบไฮบริด อันได้แก่ สมรรถนะที่ดีเยี่ยม ห้องโดยสารที่เงียบสงบ ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
· มีการสาธิตเพื่อพิสูจน์คุณภาพและความทนทานของแบตเตอรีไฮบริดที่ผ่านการใช้งานมาแล้วกว่า 200,000 กิโลเมตร โดยผู้เชี่ยวชาญจากฝ่ายข้อมูลเทคนิคของโตโยต้า และรับชมวิดีโอสาธิตการนำรถไฮบริดแช่น้ำเพื่อพิสูจน์ความทนทานและความปลอดภัยของแบตเตอรีไฮบริด
· บอร์ดนำเสนอความคิดเห็นของเหล่าบรรดาเซเลบริตี้และดาราทั้งไทยและต่างประเทศที่เป็นผู้ใช้จริงและเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้าไฮบริด
โซน Experience the Hybrid…นำเสนอจุดขายของรถยนต์ไฮบริดในรูปแบบต่างๆ อาทิ Hybrid Corner, Camry X-Ray, PRIUS LED Wall Display พร้อมชม สัมผัส ทดลองขับ และเลือกเป็นเจ้าของยนตรกรรมไฮบริดทุกรุ่นของโตโยต้า ด้วยเงื่อนไขพิเศษโดนใจภายในงาน
โซน Entertainment…ตื่นตาตื่นใจกับกับโชว์การแสดงต่อสู้แห่งอนาคตระหว่างคนกับหุ่นยนต์ “Orientarhythm” จากประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในไทย พร้อมร่วมสนุกกับมินิคอนเสิร์ตจากเหล่าศิลปินดัง ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ พร้อมลุ้นรับของรางวัลพิเศษมากมายภายในงาน
เตรียมสัมผัสกับเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะแห่งอนาคต ในงาน “Toyota Hybrid Expo 2012” ระหว่างเดือน กรกฎาคม ถึง ตุลาคม 2555 นี้ ในทุกภูมิภาค 5 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ภูเก็ต ขอนแก่น และ เชียงใหม่
68
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / กิจกรรมเพื่อสังคม CSR / โตโยต้า จัดกิจกรรม “ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา ปีที่ 7” ถ่ายทอดองค์ความรู้จากโครงการ
เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2012, 08:23:30 PM
โตโยต้า จัดกิจกรรม “ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา ปีที่ 7”ถ่ายทอดองค์ความรู้จากโครงการฯ สู่สาธารณชน
ฯพณฯ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบโล่พระราชทานองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แก่โรงเรียนและเทศบาลที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดโครงงานด้านสิ่งแวดล้อมในโครงการ “ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา ปีที่ 7” โดยมี นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ ดร. ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากทั้ง 2 องค์กร ร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2555 ณ ลานพาร์คพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน
โครงการ “ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา” เป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อม (Eco Network) เริ่มจากทำการคัดเลือกโรงเรียนและเทศบาลจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ปัญหาภาวะโลกร้อน และส่งเสริมให้องค์กรและหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการ สามารถริเริ่มโครงงานและกิจกรรมที่จะช่วยลดการก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนภายในชุมชนของตน ซึ่งจะเป็นการสร้างเครือข่ายแกนนำการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนของโรงเรียนและเทศบาลในทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย การดำเนินโครงการในปีที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงนั้นนับเป็นปีที่ 7 นับแต่มีการแนะนำโครงการออกสู่สาธารณชนครั้งแรกในปี พ.ศ. 2548
ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการตลอดทั้ง 7 ปี บริษัท โตโยต้าฯ ได้มีการให้งบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานแก่โรงเรียน 190 แห่ง และ เทศบาล 152 แห่ง ทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 153 ล้านบาท มีการขยายเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมไปยังหน่วยงานเทศบาลและโรงเรียนไปยัง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย เกิดโครงการที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนที่เป็นรูปธรรมแล้วกว่า 1,023 โครงการ โครงการดังกล่าวสามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 8,500 ตันตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจกรรมจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัท โตโยต้าฯ ยังให้การสนับสนุนแก่โรงเรียนและเทศบาลที่เป็นเครือข่ายของโครงการที่มีความพร้อม ในการจัดสร้างศูนย์ให้ความรู้เรื่องภาวะโลกร้อนในแต่ละชุมชน เพื่อให้เกิดการกระจายองค์ความรู้ไปในวงกว้าง โดยปัจจุบันนี้โครงการฯ ได้จัดสร้างศูนย์เรียนรู้โลกร้อนแล้วเสร็จเป็นจำนวน 2 แห่ง โดยแห่งแรกตั้งอยู่ที่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และ แห่งที่ 2 ณ เทศบาลตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน รวมถึงมีแผนการเปิดศูนย์เรียนรู้โลกร้อน แห่งที่ 3 ณ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2555 นี้อีกด้วย
การดำเนินกิจกรรมในโครงการ “ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา” นี้ จะแบ่งหัวข้อการดำเนินโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็น 4 แนวทาง ได้แก่ ลดเมืองร้อนด้วยการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ลดเมืองร้อนด้วยการลดขยะในเมือง ลดเมืองร้อนด้วยการเดินทางอย่างยั่งยืน และ ลดเมืองร้อนด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง โดยจะมีการมอบเงินทุนสนับสนุนการดำเนินงานให้แก่หน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการ การจัดค่ายอบรมความรู้ในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนแก่คณะครู อาจารย์ ตัวแทนเทศบาล และการจัดค่ายเยาวชนลดเมืองร้อนเพื่อให้คณะทำงานนำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปพัฒนาแผนงานการดำเนินกิจกรรมลดเมืองร้อนในชุมชนของตน จากนั้นจะมีการเข้าตรวจประเมินความคืบหน้าของการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อคัดเลือกตัวแทนเทศบาลและเมืองที่มีผลการดำเนินกิจกรรมดีเด่น เพื่อนำแกนนำที่ได้ร่วมปฏิบัติงานไป ทัศนศึกษาและอบรมด้านสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นการเพิ่มประสบการณ์และเปิดโอกาสในการเรียนรู้ ณ สถาบันสิ่งแวดล้อมโตโยต้า ชิราคาวา-โก ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำความรู้ที่ได้มาเป็นแนวทางในการพัฒนาโครงงานของตนต่อไป
ภายใน “งานลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา” ในครั้งนี้ บริษัท โตโยต้าฯ ได้เรียบเรียงเรื่องราวความสำเร็จจากการดำเนินโครงงานและกิจกรรมจากตัวแทนเทศบาลและโรงเรียนในการดำเนินโครงการตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาให้รับชมผ่านนิทรรศการ การเปิดบูธประชาสัมพันธ์กิจกรรมและจำหน่ายสินค้าอันเป็นผลิตผลมาจากโรงเรียนและเทศบาลเครือข่ายโครงการในปีที่ 7 รวมถึงการจัดกิจกรรมสันทนาการที่ให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น แนวคิดการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนอย่างครบวงจรของโตโยต้า ภายใต้แนวคิด “จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ Fully integrated CSR across value chain” การเสวนาเรื่องแนวทางการรับมือกับภัยพิบัติอันเป็นสาเหตุจากภาวะโลกร้อน กิจกรรม Walk Rally ร่วมสนุกชิงของรางวัล ตลอดจนการเปิดรับสมัครสมาชิกเครือข่ายทำความดีผ่านเว็บไซต์ Toyota CSR Facebook เป็นต้น
“50 ปี โตโยต้า ร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป”
69
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถ / ขับรถ เปิด"ไฟตัดหมอก"มั่ว มีความผิดตามกฎหมาย โดนปรับเท่าไร?
เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2012, 08:52:39 PM
เดี๋ยวนี้รถรุ่นใหม่แทบทุกรุ่นจะต้องมีไฟตัดหมอก แต่เห็นมีอยู่หลายคน ใช้ไฟตัดหมอกแบบผิดๆ อาจจะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจจะมองว่าเป็นความเท่ ทั้งที่ในความเป็นจริง การเปิดไฟตัดหมอกในเมือง หรือในสภาพการขับรถปกติ ก่อความเดือดร้อนให้เพื่อนร่วมทาง เพราะแสงจะเข้าตารถคันหน้าหรือรถที่แล่นสวนมา
ไฟตัดหมอกไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด มีมานานมากแล้ว โดยเฉพาะประเทศเมืองหนาว หรือประเทศที่มีภูเขาค่อนข้างมาก โดยเจ้าไฟตัดหมอกนี้จะเป็นดวงไฟชุดที่ 2 จะช่วยให้ความสว่างยามที่ทัศนวิสัยการขับขี่ไม่เอื้ออำนวยนัก
ชุดไฟตัดหมอก โดยมากก็คือสปอตไลต์ย่อส่วน มาพร้อมกับดวงไฟขนาดไม่ใหญ่โตนักขนาด 55 วัตต์ แต่ก็ทะลุทะลวงเอาเรื่อง ด้วยหลอดไฟแบบเดียวกับสปอตไลต์ จะกระจายแสงในระนาบแนวกว้าง ทำให้สามารถเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อีก แม้จะไม่มากมายแต่ก็สามารถให้มองเห็นทางได้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นที่สังเกตของรถที่สวนมา หรือรถที่ตามมาข้างหลัง
การใช้ไฟตัดหมอกแม้มันจะขึ้นชื่อว่าไฟตัดหมอก แต่คุณก็สามารถใช้ได้ โดยเฉพาะในหน้าฝนที่ตกพรำๆ บ่อยเช่นนี้ แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆ สถานการณ์ที่ควรจะต้องเปิดไฟตัดหมอก ได้แก่
1.เมื่อฝนตก โดยเฉพาะช่วงฝนตกหนัก2.เมื่อเจอหมอก 3.หลังฝนหยุดในเวลากลางคืน การเห็นเส้นทางที่จะทำได้ชัดเจนจริงๆ ไม่ว่าป้ายบอกทางและเส้นจราจรต่างๆ ช่วยให้คุณขับรถได้ง่ายขึ้น โดยปกติแล้วเมื่อฝนตกจนหยุดแล้ว ถนนจะยังเปียกชื้น แม้เราเปิดไฟใหญ่ไป แต่ก็จะพบว่ามันไม่ค่อยสว่างนัก ไฟตัดหมอกจะขจัดปัญหานี้ และช่วยลดการสะท้อนของน้ำที่ผิวถนนไปด้วยในตัว 4.ขับผ่านกลุ่มควัน ไฟตัดหมอกที่ถูกต้องจริงๆ แล้วควรปิดเมื่อพบว่ามีรถสวนมาข้างหน้าในยามค่ำคืน โดยเฉพาะถนน 2 เลนสวนกัน
จงจำไว้ว่าไฟตัดหมอกไม่ใช่แฟชั่น ไม่ควรใช้อย่างพร่ำเพรื่อ เพราะนอกจากจะแสดงถึงมารยาทที่ไม่ดีแล้ว อาจเจอข้อหา
เปิดไฟตัดหมอกโดยไม่มีสาเหตุ มีโทษสูงสุดปรับ 500 บาท ที่มา : คอลัมน์ คาร์ทิป (มติชนรายวัน 7 กรกฎาคม 2555)
70
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / "โตโยต้า-ฮอนด้า"บูมตลาดชุดแต่ง ขนทัพสินค้าบุกไทยขยายฐานหลัง"ญี่ปุ่นอิ่มตัว"
เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2012, 08:48:49 PM
ตลาด ชุดแต่งบูม 2 ค่ายรถเดินหน้าส่ง "ฮอนด้า โมดูโล่-โตโยต้า ทีอาร์ดี" ลุยตลาดไทย หวังขยับเพิ่มส่วนแบ่ง ชูกลยุทธ์เจาะโชว์รูม ส่งรุ่นตกแต่งพิเศษลุยตลาด ผลตลาดญี่ปุ่นอิ่มตัว
นายฮาจิเมะ ฟุรุยะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า แอคเซส เอเชีย แอนด์ โอเชียเนีย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดแต่งรถยนต์ภายใต้แบรนด์ "โมดูโล่" เปิดเผยถึงแผนการทำตลาดชุดแต่งโมดูโรในประเทศไทยว่า ขณะนี้บริษัทได้พยายามสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ได้พยายามแนะนำสินค้าและทำตลาดโดยเจาะกลุ่มตัวแทนจำหน่ายรถ ยนต์ "ฮอนด้า" มาตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
หวั่นตลาดอิ่มตัว
เดิม สินค้าของบริษัทจะเน้นการออกแบบและดีไซน์เพื่อรองรับกับความต้องการของกลุ่ม ตลาดญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่เนื่องจากขณะนี้ตลาดในประเทศญี่ปุ่นเริ่มมีความ "อิ่มตัว" ส่งผลให้บริษัทปรับแผนและเล็งเห็นช่องทางในการเข้ามาทำตลาดชุดแต่งในประเทศ ไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงและมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก ประกอบกับประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและกระจายสินค้าที่สำคัญของ "โมดูโล่" เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย อินเดีย ออสเตรเลีย โดยขณะนี้ชุดอุปกรณ์ตกแต่งแอร์โรพาร์ท อยู่ในเมืองไทย ส่วนอุปกรณ์ชุดโมดิฟายยังอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น
จะเห็นได้ว่าช่วงที่ ผ่านมา โมดูโล่เน้นการสร้างแบรนด์ รวมทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อทำให้ลูกค้าชาวไทยได้รู้จักแบรนด์ "โมดูโล่" มากขึ้นโดยผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อสามารถขยายฐานและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
"จาก นี้ไปแนวทางการพัฒนาสินค้าและการออกแบบของโมดูโล่จะถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับ ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนไทยมากขึ้น เราเชื่อว่าตลาดเมืองไทยยังมีโอกาสเติบโตได้ค่อนข้างมากและขยายต่อไปได้อีก"
สำหรับเป้าหมายทางการตลาดนั้น บริษัทตั้งเป้าภายในระยะเวลา 5 ปีจากนี้ บริษัทจะต้องมีส่วนแบ่งในตลาดชุดแต่งของรถยนต์ฮอนด้าอยู่ที่ 30% ให้ได้จากปัจจุบันมียอดขายผ่านโชว์รูมฮอนด้าอยู่เพียง 10% เท่านั้น บริษัทเชื่อว่ารูปแบบและแนวทางการทำตลาดทั้งกิจกรรมที่พยายามแนะนำสินค้าให้ เป็นที่รู้จักและการทำกิจกรรมควบคู่ไปกับรถยนต์ฮอนด้าน่าจะทำให้ไปถึงเป้า หมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน
ขณะที่สัดส่วนการจำหน่ายในปัจจุบัน แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 60% และตลาดส่งออก 40%
โตโยต้าบุกโชว์รูมเต็มสูบด้าน นายสุทธิพงศ์ สมิตชาติ ประธาน บริษัท ทีอาร์ดี (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์โตโยต้า ภายใต้แบรนด์ "โตโยต้า ทีอาร์ดี" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงภาพรวมการดำเนินการธุรกิจว่าขณะนี้สินค้าของ "ทีอาร์ดี" ได้เข้าไปอยู่ในโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์โตโยต้า ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีมายาวนาน
โดยปัจจุบันบริษัท มีสัดส่วนการขายตามที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้กำหนดโควตามาให้ทำชุดแต่งสำหรับรถแต่งพิเศษ โตโยต้า ทีอาร์ดี อยู่ที่ 30-40% ส่วนการจำหน่ายผ่านทีอาร์ดี คอร์เนอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในโชว์รูมโตโยต้า อีก 10-15% และหากรวมการจำหน่ายเสื้อผ้า และอุปกรณ์เครื่องประดับต่าง ๆ อีก 20%
ปัจจุบันบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายในประเทศ ผลิตป้อนตลาดโออีเอ็มเกินกว่า 70% ผลิตเพื่อจำหน่ายในตลาดอาร์อีเอ็มกว่า 10% และตลาดส่งออก 27-28% สำหรับตลาดชุดแต่งรถยนต์โตโยต้านั้น นอกจากตลาดญี่ปุ่นแล้ว ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญอันดับรองลงมา
สำหรับตลาดชุดแต่งและอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์โดยรวมของประเทศไทย จากตัวเลขที่สถาบันยานยนต์ได้คาดการณ์ไว้มีมูลค่าอยู่ประมาณ 50,000ล้านบาทต่อปี ในวันนี้ปัญหาที่ผู้ผลิตพบและมีความกังวลส่วนใหญ่คือปัญหาสินค้าปลอม ซึ่งจะมีราคาจำหน่ายถูกกว่าถึง 50% ซึ่งเมื่อลูกค้าซื้อไปอาจจะทำให้เกิดปัญหา หรืออันตรายได้ เนื่องจากเป็นสินค้าไม่ได้คุณภาพ
เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าของแท้ เราให้การรับประกันถึง 3 ปี เท่ากับรับประกันรถยนต์ บวกกับคุณภาพของสินค้ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนด้วย
จ้องจับอีโคคาร์ ด้าน นายธนาศักดิ์ ธนะพัฒน์ ตัวแทนจำหน่ายและติดตั้งชุดอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์จากต่างประเทศกว่า 15 แบรนด์ ภายใต้ชื่อร้าน "โอ๊ค คลับ" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันแนวทางการตกแต่งรถของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป โดยกลุ่มรถอีโคคาร์จะได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากได้รับสิทธิ์รถคันแรก ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะไม่นิยมเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือตกแต่งทั้งคัน แต่จะเปลี่ยนเพียงแค่ช่วงล่าง สปอยเลอร์ และล้อแม็กเท่านั้น
ส่วนรถ นำเข้าที่นำมาตกแต่งนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นรถยุโรปมากกว่ารถในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากค่าเงินเยนแข็ง ทำให้รถมีราคาจำหน่ายสูงขึ้น ลูกค้าจึงหันไปซื้อรถยุโรปเพิ่มขึ้น และนำมาตกแต่งเพิ่มเติม
ตลาด นั้นมีการแข่งขันในตลาดสูงมาก ทั้งด้านสินค้าและราคา แต่ทางร้านได้นำเข้าชุดแต่งที่หลากหลาย ทั้งจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป มีอุปกรณ์ระบบช่วงล่าง อุปกรณ์ภายนอกและภายใน โดยแต่ละปีผู้ผลิตจะอบรมวิธีการติดตั้งและการบริการหลังการขายให้ มีรายได้ปีละหลายสิบล้านบาท ซึ่งมีร้านติดตั้งเอง 3 สาขา คือ จรัญสนิทวงศ์, เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา และ จ.นครปฐม และกำลังจะเปิดเพิ่มอีกหนึ่งแห่งในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
71
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / ค่ายรถปรับเป้ารับความต้องการทะลัก หนุนยืดรถคันแรก-ทั้งปีพุ่งเกิน2ล้านคัน
เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2012, 08:43:50 PM
ค่ายรถแห่ปรับเป้าหลังตลาดฟื้น โรงงานกลับมาเดินหน้าผลิตเต็มสูบ หลังความต้องการทะลัก ชูมือหนุนคลังยืดเวลารถคันแรก ด้านสภาอุตฯเชื่อยอดผลิตจากนี้ทะลุ 2 แสนคันต่อเดือน เล็งจัดงานเคาะระฆังฉลองยอดผลิต 2 ล้านคันภายในปีนี้
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ด้านการผลิตของค่ายรถยนต์ตอนนี้ถือว่าคลี่คลาย ทุกค่ายเริ่มกลับมาเดินหน้าผลิตกันได้อย่างเต็มที่ เห็นได้จากยอดผลิตในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาที่มียอดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 202,000 คัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศกว่า 110,000 คัน และตลาดส่งออกกว่า 90,000 คัน
เชื่อว่าหากไม่มีปัจจัยเหนือการควบคุมมากระทบ ในส่วนของเป้าหมายการผลิตรถยนต์โดยรวมน่าจะอยู่ที่ระดับกว่า 200,000 คันต่อเดือน และถือเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน โดยในช่วงระยะเวลาที่เหลือยอดการผลิตทั้งปีน่าจะทำได้ที่ 2.2 ล้านคันหรือมากกว่า จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เพียง 1.8 ล้านคัน
กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ประเมินจากสถานการณ์การผลิตแล้ว คาดว่ายอดผลิตจะครบ 2 ล้านคันในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ตอนนั้นภาครัฐและเอกชนจะมีการจัดงาน "เคาะระฆัง" ฉลองยอดผลิต 2 ล้านคัน หลังจากเคยจัดงานลักษณะนี้ตอนยอดผลิต 1 ล้านคัน 2548 ที่ผ่านมา
ส่วนโครงการรถยนต์คันแรกนั้น โดยส่วนตัวคาดว่าค่ายต่าง ๆ ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ได้ทัน และเนื่องจากกำลังผลิตได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมถึง 3 เดือน หากยืดการส่งมอบออกไป 3 เดือนน่าจะเหมาะสมที่สุด
นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันเราใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่ในโรงงานทั้ง 3 แห่ง มียอดการผลิตรวมของปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 80% หรือประมาณ 400,000 คัน โดยเฉพาะโรงงานที่ 3 ซึ่งผลิตรถมิตซูบิชิ มิราจ ในช่วงแรกนี้อยู่ระหว่างการพัฒนากำลังการผลิต ยอดการผลิตต่อชั่วโมงต้องมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากตั้งเป้าหมายผลิตที่ 100,000 คันปีนี้ เพื่อรองรับตลาดในประเทศและจะส่งออก โดยจะเริ่มส่งออกไปญี่ปุ่นในเดือนกรกฎาคมนี้
จากการคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ของประเทศไทยจะมีจำนวน 1-1.2 ล้านคัน
มิตซูบิชิตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายประมาณ 10% ของตลาดเดิม บริษัทตั้งเป้ายอดขายในประเทศที่ 90,000-100,000 คัน แต่วันนี้ได้ปรับเพิ่มเป็น 106,500 คัน และภายใน 3-5 ปีจะต้องมีส่วนแบ่งตลาด 15% ให้ได้ ส่วนระยะเวลาที่ลูกค้าต้องรอรับรถ
มิตซูบิชิของแต่ละรุ่นจะแตกต่างกันไประหว่าง 1-2 เดือนแล้วแต่รุ่น ส่วนรถมิราจขณะนี้เริ่มการส่งมอบไปบ้างแล้วจนถึงปัจจุบันประมาณ 4 พันกว่าคัน
"ในส่วนโครงการรถคันแรกที่รัฐบอกว่าให้ยึด 31 ธ.ค. แล้วให้ค่ายรถระบุระยะเวลารับรถให้ชัดเจน ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ในที่สุดก็มีความชัดเจนในเรื่องนี้ออกมา เพราะผู้ผลิตรถยนต์เองก็รออยู่ในเรื่องดังกล่าว และถือว่ารัฐได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แล้ว ผู้ซื้อเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ หากสามารถที่จะรอคอยรับรถได้นานขนาดนั้น ส่วนการบังคับให้ผู้ขายต้องระบุวันรับรถที่แน่นอนนั้น น่าจะเป็นระยะเวลาโดยประมาณการเท่านั้น แต่ก็เชื่อว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ซื้อ ขอเพียงยังอยู่ในช่วงเวลาที่รัฐบาลผ่อนผันให้ก็คงจะพอใจ"
ด้านนายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้นิสสันพยายามเต็มที่เพื่อให้ลูกค้ารอรถโดยใช้ระยะเวลาน้อยที่สุด หลังจากการดำเนินการผลิตเริ่มกลับมาดำเนินตามแผนงานที่วางไว้ อาจจะมีขลุกขลักไปบ้างในส่วนที่มีการย้ายไลน์ผลิตรถปิกอัพนิสสัน นาวาราไปให้โรงงานมิตซูบิชิผลิต แต่การดำเนินงานทุกอย่างก็ใกล้เคียงกับแผนที่วางไว้
ขณะนี้นิสสัน มาร์ชมียอดจองที่ 6,000 คัน หรือมีแบ็กออร์เดอร์ 2-3 เดือน และอัลเมร่า 15,000 คัน มีแบ็กออร์เดอร์ 3-4 เดือน ส่วนเป้าหมายการจำหน่ายของนิสสันในปีนี้บริษัทยังยืนยันเป้าหมายเดิม เนื่องจากกำลังการผลิตที่มีอยู่ในจำนวนจำกัดนั่นเอง โดยในปีงบประมาณนี้บริษัทตั้งเป้าการขายอยู่ที่ 100,000 คัน หรือส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 10%
ด้านนางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้มาสด้าอยู่ระหว่างการประเมินและพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายการจำหน่ายในปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ปีนี้จะมีส่วนแบ่งตลาดที่ 5% และมียอดขายที่ 60,000 คันนั้น
โดยขณะนี้มาสด้ามีแบ็กออร์เดอร์เฉลี่ย 4 เดือน โดยบริษัทพยายามปรับเพิ่มกำลังการผลิตของมาสด้า 2 ขึ้นมาอีก 20% เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า
ได้ปรับแผนการผลิตและการจำหน่ายรถยนต์อีโคคาร์ หรือซูซูกิ สวิฟท์ หลังจากกระแสตอบรับเกินคาดหมาย โดยตัดสินใจ
นำยอดผลิตทั้งหมดปีนี้ 15,000 คันมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยก่อนทั้งหมด จากเดิมจะแบ่งเป็นตลาดในประเทศ 10,000 คัน และส่งออกไปยังประเทศอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ 5,000 คัน ที่เดิมจะส่งออกไปราวไตรมาส 3 ของปีนี้ แต่ได้เลื่อนออกไปราวไตรมาส 4 ส่วนเป็นจำนวนเท่าไรยังไม่สามารถบอกได้
สาเหตุของการตัดสินใจครั้งนี้มาจากความต้องการของลูกค้าชาวไทยที่ให้ความสนใจรถอีโคคาร์ ซูซูกิ สวิฟท์ หลังจากได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเดือนมีนาคม และในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา บริษัทจำเป็นอย่างยิ่งต้องปรับแผนการผลิตเพื่อให้ลูกค้าสมหวัง และส่งมอบรถได้เสร็จภายในปี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้าที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนพฤษภาคม 2555 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 115,943 คัน เพิ่มขึ้น 107.6% ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 55,983 คัน เพิ่มขึ้น 137.5% รถเพื่อการพาณิชย์ 59,960 คัน เพิ่มขึ้น 85.8% รวมทั้งรถกระบะขนาด 1 ตันในเซ็กเมนต์นี้จำนวน 52,155 คัน เพิ่มขึ้น 89.4% คัน เป็นยอดขายรถยนต์ต่อเดือนที่สูงที่สุดของประเทศไทย
ส่วนยอดขายสะสม 5 เดือน จำนวน 483,052 คัน เพิ่มขึ้น 33.5% โดยตลาดรถยนต์นั่งเติบโตเพิ่มขึ้น 22.6% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์เติบโต 42.2% ขณะที่เดือนมิถุนายนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลจากกำลังการผลิตสู่สภาวะปกติ ทำใหส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
คาดด้วยว่าโตโยต้ามีแผนปรับเป้าการจำหน่าย 450,000 คันในปีนี้ โดยจะมีการประกาศปรับเป้าในงานแถลงข่าวผลประกอบการครึ่งปี ในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ด้วย
ที่มา : prachachat.net
72
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Prius Club โตโยต้า พรีอุส คลับ / เพื่อนร่วมงานแห่แสดงความยินดีหนุ่มศรีสะเกษ-ผู้โชคดีคว้าเก๋งโตโยต้าพริอุส
เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2012, 07:58:29 PM
เพื่อนร่วมงานแห่แสดงความยินดีหนุ่มศรีสะเกษ-ผู้โชคดีคว้าเก๋งโตโยต้าพริอุสจาก"ข่าวสดยูโร"
เมื่อวันที่ 6 ก.ค. หลังข่าวสด ประกาศรายชื่อผู้รับโชคกิจกรรมข่าวสด ยูโร� 2012 โดยรางวัลใหญ่คือรถเก๋งโตโยต้า พริอุส ไฮบริด มูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท ตกเป็นของนายวีระศักดิ์ โยธี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191 ต.ห้วยเหนือ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาขุขันธ์ ที่ทำงานของนายวีระศักดิ์ มีเพื่อนร่วมงานมาร่วมแสดงความยินดีจำนวนมาก
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า เป็นพนักงานขับรถของธนาคาร ปกติเป็นแฟนของน.ส.พ.ข่าวสด และมติชน ติดตามอ่านข่าวแทบทุกหน้ามานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าภูมิภาคเนื่องจากต้องการทราบข่าวความเคลื่อนไหวของจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และเมื่อเห็นข่าวกิจกรรมส่งคูปองร่วมสนุกข่าวสด ยูโร� จึงตัดคูปองส่งมาจำนวน 4 ใบ เขียนชื่อทีมที่ชอบ 4 ทีมคือเยอรมัน อิตาลี โปรตุเกส และทีมสเปน ส่งจดหมายมาซองละ 1 คูปอง รวมใช้เงินไป 16 บาทเท่านั้น
และเมื่อผลการจับรางวัลออกมาว่าได้โชคใหญ่รถเก๋งโตโยต้า พริอุส รู้สึกดีใจมากที่สุดในชีวิต เพราะไม่เคยได้รับรางวัลใหญ่แบบนี้มาก่อนเลย ถือว่าเป็นรางวัลจากการที่เป็นแฟนของน.ส.พ.ข่าวสดมาโดยตลอดนั่นเอง� หนุ่มผู้โชคดีกล่าว และว่า สำหรับภรรยาประกอบอาชีพเป็นแม่ค้าขายรองเท้า ก็ดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัลนี้ โดยรถเก๋งคันนี้จะเก็บไว้ใช้ในชีวิตประจำวันและเดินทางไปหาลูกซึ่งเรียนอยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ จ.ร้อยเอ็ด
นายวีระศักดิ์กล่าวอีกว่า หลังจากได้รับการติดต่อจากข่าวสดก็จะเดินทางมารับรถทันที และจะขับกลับบ้านซึ่งเชื่อว่าจะมีเพื่อนๆ และญาติมาร่วมแสดงความยินดี และจะเลี้ยงฉลองด้วย
ด้านนายเหรียญชัย จันทร์มณีเลิศ ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ สาขาขุขันธ์ กล่าวว่า ตอนแรกที่ทราบว่าลูกน้องได้รับรางวัลลใหญ่จากข่าวสดยังไม่เชื่อ จนผู้สื่อข่าวมาสอบถามจึงรู้ว่าเป็นความจริง รู้สึกดีใจกับนายวีระศักดิ์อย่างมาก และถือว่าเป็นรางวัลตอบแทนความดี เพราะที่ผ่านมานายวีระศักดิ์เป็นคนดีตั้งใจทำงานในหน้าที่ มีอัธยาศัยไมตรีกับเพื่อนร่วมงานทุกคนดีมาก
ด้านน.ส.ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ข่าวสด กล่าวถึงการจับคูปองลุ้นโชคข่าวสดยูโร 2012 ว่า ประสบความสำเร็จด้วยดียิ่ง ทั้งในส่วนของคูปองที่มีผู้อ่านส่งมามากมาย ทั้งในส่วนบริษัทพันธมิตรที่ตอบรับอยากจะร่วมกิจกรรมกับข่าวสดต่อไปในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก นอกจากนี้ขอแสดงความยินดีกับผู้พิชิตรางวัล ซึ่งสังเกตได้ว่ามาจากทั่วทุกภาคของประเทศ ทางข่าวสดจะประกาศรายชื่อทุกรางวัลในหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวสด ในวันที่ 10 ก.ค.2555 เพื่อให้ติดต่อมาขอรับรางวัลต่อไป
สำหรับกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้อ่านต่อเนื่องในมหกรรมโอลิมปิก ลอนดอน 2012 นั้น น.ส.ชุมฉันท์กล่าวว่า ข่าวสดจะจัดแถลงข่าวในเร็วๆ นี้ โดยกิจกรรมจะเน้นไปที่การส่งกำลังใจให้นักกีฬาไทยชุดโอลิมปิกเกมส์ผ่านเกณฑ์เข้ารอบสุดท้าย 37 คน จาก 16 ชนิดกีฬา ได้แก่ ยกน้ำหนัก จักรยาน ยิงธนู ขี่ม้า ยูโด ว่ายน้ำ แบดมินตัน เรือพาย ยิงปืน ยิงเป้าบิน เทเบิลเทนนิส เทควันโด มวยสากลสมัครเล่น เรือใบ เรือพาย กรีฑา
ขอบคุณที่มาข่าว : khaosod.co.th
73
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / "Eco Dealership Outlet" โชว์รูม"โตโยต้า"รักษ์โลก
เมื่อ: มิถุนายน 26, 2012, 04:45:38 PM
เป็นปีที่ลุยหนักทั้งการตลาด และโครงการซีเอสอาร์รูปแบบต่างๆ เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ "โตโยต้า" ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
ล่าสุดร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ริเริ่มโครงการ "Eco Dealership Outlet" สร้างโชว์รูมและศูนย์บริการรูปแบบใหม่เน้นอนุรักษ์ธรรมชาติ ลดใช้พลังงาน และดูแลสภาพแวดล้อมโดยรอบของชุมชน
"Eco Dealership Outlet" เปิดแห่งแรกที่บริษัท โตโยต้า ไทยเย็น จำกัด สาขาปากช่อง จ.นครราชสีมา
โตโยต้าจึงเชิญไปร่วมพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าโชว์รูมรักษ์โลกเป็นอย่างไร
นำทีมไปโดยนายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกก.ผจก.ใหญ่ บริษัท โตโยต้า
โตโยต้า ไทยเย็น สาขาปากช่อง มีนางป้อมเพชร สาริบุตร เป็นผู้จัดการ สร้างโชว์รูม-ศูนย์บริการมาตรฐานบนพื้นที่ประมาณ 11 ไร่
ด้านหน้าโครงการมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ รับและหน่วงน้ำโดยนำมาใช้งานรดน้ำต้นไม้ภายในโครงการ, ให้กระแสลมพัดผ่านบ่อน้ำ เพื่อลดอุณหภูมิที่จะเข้าสู่ตัวอาคาร และเป็นพื้นที่ดักฝุ่นละอองด้วย
ที่น่าสนใจก่อนการสร้างวางแปลนอาคารหลบต้นไม้ใหญ่บนที่ดิน เพื่ออนุรักษ์ต้นไม้ให้ถูกทำลายน้อยที่สุด
วัสดุตกแต่งผิวภายนอกที่มีพื้นผิวที่น้ำซึมผ่านได้ดี เช่น พื้นคอนกรีตพรุนทำให้น้ำซึมลงสู่ด้านล่างได้ เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมขังพื้นผิวภายนอก
กระจกด้านหน้าเป็นกระจกฉนวนกันความร้อน และมีคุณสมบัติกระจายแสงเข้าตัวอาคาร ลดใช้พลังงานแสงสว่างไปในตัว
ระบบปรับอากาศภายในเลือกใช้การจ่ายลมแบบพ่นจากผนังด้านหลัง ปรับทิศทางหัวจ่ายลมเย็นได้ตามต้องการ สามารถส่งลมเย็นออกไปมีระยะไกลกว่าระบบปรับอากาศทั่วไป
ใช้หลอด LED สำหรับป้ายสัญลักษณ์ โตโยต้า
เลือกใช้สุขภัณฑ์และก๊อกน้ำรุ่นประหยัดน้ำทั้งหมดสำหรับโครงการ
เน้นใช้วัสดุพื้นถิ่น เช่น พื้นทางเท้าและผนังตกแต่งภายนอกเป็นดินอัดแข็งโดยใช้ดินจากสถานที่ก่อสร้าง พื้นบันไดทางเข้าอาคารเป็นวัสดุหินอ่อนจากพื้นถิ่น ผนังเป็นวัสดุหินกาบพื้นถิ่น เพิ่มรายได้ให้กับชุมชนและลดการขนส่ง
โชว์รูมรักษ์โลกแห่งนี้สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าอาคารปกติถึง 40% และใช้น้ำน้อยกว่า 30%
ในช่วงแรกนี้โตโยต้าวางแผนเปิด "Eco Dealership Outlet" เพิ่มอีก 6 สาขา
ใครอยากรู้ว่าโชว์รูมรักษ์โลกหน้าตาเป็นอย่างไรและสวยงามขนาดไหน ต้องแวะไปดู
ืที่มา : khaosod.co.th
74
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / กิจกรรมเพื่อสังคม CSR / ลดโลกร้อนกับ “โตโยต้า” เยือน “ชิราคาวาโก –โตเกียว” (ชมคลิป)
เมื่อ: มิถุนายน 08, 2012, 05:54:39 AM
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย นำคณะเยาวชน ครู และตัวแทนจากเทศบาล กว่า 30 คน จากโครงการ “ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา ปีที่ 7” ไปทัศนศึกษาและอบรมด้านสิ่งแวดล้อม ที่สถาบันสิ่งแวดล้อม โตโยต้า ชิราคาวาโก ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 พ.ค. – 1 มิ.ย. 2555
VIDEO
โครงการลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา เป็นกิจกรรมในลักษณะของการประกวดชุมชนต้นแบบและโรงเรียนต้นแบบ ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชุมชนและในโรงเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเทศบาลเข้าร่วมโครงการ 152 เทศบาล 190 โรงเรียนใน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย คัดเลือกจากใบสมัครได้ 20 โรงเรียน และ 20 ชุมชน
หลังจากนั้น คณะกรรมการลงพื้นที่ติดตามประเมินผลและคัดเลือก ได้ผลงานที่โดดเด่น 3 อันดับแรก ในประเภทโรงเรียนได้แก่ โรงเรียนไทรงามพิทยาคม จ.กำแพงเพชร, โรงเรียนเชียงของวิทยาคม จ.เชียงราย, โรงเรียนวังกระแสวิทยาคม จ.นครพนม
VIDEO
ประเภทชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านน้ำหลง เทศบาลตำบลสันโป่ง จ.เชียงใหม่, ชุมชนบ้านนามะพร้าว เทศบาลตำบลชะรัด จ.พัทลุง, ชุมชนบ้านป่าบุก เทศบาลตำบลแม่แรง จ.ลำพูน
การเดินทางทัศนศึกษาในครั้งนี้ คณะเยาวชน ครูและตัวแทนจากเทศบาล เข้าเรียนรู้และอบรมความรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อม ที่สถาบันสิ่งแวดล้อมโตโยต้า ชิราคาวาโก ทางตะวันออกเหนือสุดของเขตปกครองจังหวัดกิฟุ (Gifu) และเดินทางไปทัศนศึกษาต่อที่กรุงโตเกียวอีกด้วย
ที่มา : matichon.co.th
75
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / โตโยต้าเล็งผลิตรถยนต์เล็กในไทย
เมื่อ: มิถุนายน 03, 2012, 01:54:05 PM
ข่าวต่างประเทศ-บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประกาศมีแผนเพิ่มการผลิตรถยนต์ในไทยภายในปีนี้ ตามแผนของบริษัทที่ต้องการขยายการผลิตให้กับประเทศในตลาดเกิดใหม่ เทียบเท่ากับจำนวนการผลิตในประเทศญี่ปุ่น
ยูกิโตชิ ฟูโนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า โตโยต้าเตรียมผลิตรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่จำนวน 8 รุ่น ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 12,500 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 380,000 บาท เพื่อจำหน่ายในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทยด้วย ภายในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ และตั้งเป้าจำหน่ายปีละ 1 ล้านคันขึ้นไป
ค่ายรถยนต์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ระบุว่า รถยนต์ขนาดเล็กทั้ง 8 รุ่นนี้จะผลิตในโรงงานที่ประเทศไทย อินโดนีเซีย อินเดีย และบราซิล โดยปัจจุบันชิ้นส่วนยานยนต์ กว่า 81% ของรถโตโยต้า ล้วนเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทย ขณะที่อันดับ 2 เป็นชิ้นส่วนจากโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในตลาดเกิดใหม่ให้ได้สมบูรณ์แบบ ภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นการลดต้นทุนของบริษัท
โตโยต้า เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์เกิดใหม่เป็นกลุ่มที่น่าจับตามอง เพราะว่ามีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในตอนนี้มีข่าวยืนยันแล้วว่าโฟล์คสวาเกนกำลังจะเข้ามาสร้างยอดขายในภูมิภาคนี้ด้วยรถยนต์ราคาประหยัด ส่วนกำลังการผลิตรถยนต์ในปลุ่มประเทศเกิดใหม่ของโตโยต้านั้น จากเดิมในปี 2010 อยู่ที่ 2.38 ล้านคัน เมื่อถึงปี 2013 ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 ล้านคัน
ทั้งนี้ โตโยต้าได้จำหน่ายรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นเอทิออสในอินเดีย เมื่อเดือนธันวาคม 2010 ซึ่งแม้จะมีราคาสูงกว่ารถยนต์รุ่นนาโนจากค่ายทาทา มอเตอร์ส กว่า 3 เท่าตัว แต่เอทิออสในราคาเริ่มต้น 1 หมื่นเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 315,000 บาท มียอดขายแล้วกว่า 1 แสนคัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โตโยต้าเตรียมขยายตลาดในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และตั้งเป้าจะจำหน่ายให้ได้เกิน 50% ของยอดขายทั่วโลก จากเดิมในปี 2011ซึ่งขายได้ 45%
ที่มา : manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9550000066446
76
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถ / คู่มือ! เคล็ด (ไม่) ลับ กับ 'วิธีตรวจสอบ' ก่อนถอย 'รถป้ายแดง' ด้วยตัวเอง...!
เมื่อ: มิถุนายน 03, 2012, 12:39:33 PM
ในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ!! มันคือสัจธรรมที่ผ่านการพิสูจน์มานักต่อนัก ไม่มีอะไรดีไปซะหมดหรือแย่ไปเสียทุกอย่าง กฎข้อนี้ไม่ได้รับการยกเว้น แม้กระทั่ง "รถป้ายแดง" ในช่วงเวลาคนที่สั่งจองรถในงานมอเตอร์โชว์ต้นปีที่ผ่านมากำลังจะได้รับรถยนต์ ไทยรัฐออนไลน์ทำคู่มือตัวเช็คก่อนจะถอยรถป้ายแดงเข้าบ้าน ด้วยตัวเอง...
เบื้องต้น ภายนอกต้องเช็กอะไรบ้าง...!
มาถึงขั้นตอนแรก ควรเร่ิมในส่วนที่เห็นได้ชัดและง่ายก่อน นั่นก็คือ ภายนอก สีรถ สังเกตุดูรอยบุบ ลักยิ้ม การดูสีรถควรดูในที่ร่ม เพราะการดูในที่แสงแดดจ้า จะทำให้มองไม่ออกว่าสีมีความเสมอกันหรือเปล่า
ยาง,ล้อ สีแม็กซ์หลุดร่อน หรือมีการแตกร้าวหรือไม่ มองหาวันผลิตของยางทั้ง 4 เส้นจะต้องผลิตพร้อมกัน และที่สำคัญมองหาลูกศรบอกทิศทางว่าได้ใส่ยางมาถูกด้านแล้ว
กระจก ห้ามมีรอยร้าวเด็ดขาด เพราะอันตรายมาก รวมถึงการติดฟิล์มจะต้องไม่มีฟองอากาศภายใน เรียบไม่เป็นคลื่น หลอดไฟ หลอดไฟทุกดวงต้องใช้การได้ ต้องเช็กทั้งหมด ไม่ว่าจะไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และหลอดไฟภายในห้องโดยสารตามจุดต่างๆ ประตู/กระโปรง เมื่อปิดต้องสนิทแนบไปกับตัวถังรถ ไม่เผยอจนเป็นขั้นบันได ไม่มีเสียงดังน่ารำคาญ ลองทดสอบเปิดจากภายนอก-ภายใน รวมทั้งระบบล็อกว่าใช้การได้หรือไม่ สำหรับอุปกรณ์ประจำรถที่ควรมี แม่แรง ล้ออะไหล่ ประแจไขล้อ ให้มาครบ ถ้าไม่ครบ บอกเซลล์ น้องๆ ลืมอะไรหรือเปล่า...??
เปิดภายในเช็ก เบาะ คอนโซล ยันหน้าปัด
ขั้นตอนนี้ก็ละเลยไม่ได้เลยทีเดียว วัสดุของเบาะตรงตามรุ่นหรือตามที่ตกลงกันไว้ หนังหรือผ้าต้องอย่าลืมเช็ก ไม่มีรอยฉีกขาดและรอยเลอะ ส่วนเบาะที่ปรับได้ ต้องลองปรับให้ครบทุกทิศทาง ยิ่งถ้าเป็นระบบไฟฟ้า ต้องเช็กว่าใช้ได้ พวงมาลัย เกียร์ บุข้างประตู วัสดุต้องอยู่ในสภาพดี อย่ากลัวเสียเวลา เช็กให้ทุกจุด โดยเฉพาะตามซอกหลืบก็ห้ามละเลย หน้าปัด เช็กการทำงานของเข็มไมล์ วัดรอบ เกจ์อุณหภูมิ เกจ์น้ำมัน และที่สำคัญคือสัญญาณเตือนบนหน้าปัดต้องติดครบทุกจุด และดับลงอันแสดงถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้เป็นปกติอีกด้วยช่องเก็บของ เช็กรอยแตกร้าว ฝาเปิดปิด ต้องสนิทและไม่ติดขัด
เข็มขัดนิรภัย ทดสอบดึงว่าแข็งแรงดี เมื่อปล่อยต้องดึงกลับเองอัตโนมัติ เบรก คันเร่ง เบรกมือ ลองสัมผัส ลองกด ต้องทำงานได้อย่างแม่นยำสัมพันธ์กับแรงจากเท้า เบรกมือเมื่อดึงต้องสามารถทำให้รถหยุดนิ่งกับที่
ระบบไฟฟ้า ห้ามพลาดเป็นอันขาด!!
ยุคศตวรรษที่ 21 คนเริ่มรักความสะดวกสบายมากขึ้น จึงจับระบบไฟฟ้ายัดใส่รถกันไม่ยั้ง แต่ระบบไฟฟ้าก็ไม่ใช่จะทำงานตามหน้าที่ของมันเสมอไป จึงต้องมีการตรวจเช็กให้ดีก่อนรับรถ ระบบปรับอากาศ ทดสอบแรงลม และความเย็น เปิดระดับแรงลมทุกระดับ รวมถึงปรับทิศทางลมทั้งหมดว่าถูกต้องหรือไม่ แตร ปัดน้ำฝน สำคัญต้องใช้งานได้ ที่ปัดน้ำฝนทดลองปรับทุกฟังก์ชั่นจนครบ ระบบไล่ฝ้า ลองเปิดและเอาผิวหนังอุ่นๆ ของเราไปสัมผัสว่ามีความร้อนเกิดขึ้นหรือเปล่าก็เท่านั้น ระบบบังคับเลี้ยว หมุดพวงมาลัยไปซ้าย-ขวาให้สุด ฟังดูว่าพวงมาลัยต้องเงียบห้ามมีเสียงโอดโอย ทดลองปรับระดับทุกทิศทางที่ปรับได้ ต้องไม่ติดขัด เครื่องเสียง ชุดลำโพง ก็ไม่มีอะไรมาก ลำโพงทุกตัวในรถต้องไม่เป็นใบ้ ระบบวิทยุ ซีดี ลองให้ครบ ถ้าใช้การไม่ได้ก็จัดการซะเดี๋ยวนั้น กระจกไฟฟ้า ปรับข้างไฟฟ้า ลองปรับ-พับทุกบาน รวมทั้งระบบป้องกันการหนีบด้วย กระจกไฟฟ้าไม่ใช่ปู ฉะนั้นหนีบแล้วต้องปล่อย
กุญแจรีโมต เซ็นทรัลล็อก ลองกดเปิด-ปิด ทดสอบว่าประตูล็อกและเปิดได้ครบทุกบานหรือไม่ อย่าลืมทดลองกับตัวรีโมตทั้งอันจริง และอันสำรองไฟตำแหน่งเกียร์ ลองสตาร์ตเครื่องแล้วเข้าเกียร์พร้อมเหยียบเบรก เพื่อเช็กไฟบอกตำแหน่งเกียร์ต้องติดครบ
ห้องเครื่อง หัวใจที่ต้องเช็ก..!
ภายใต้ฝากระโปรง อย่าตกใจกับสายไฟและกลไกที่ดูน่าเวียนหัวซับซ้อน ไม่ต้องขนาดรื้อเครื่องออกมาดู จุดหลักๆที่ต้องตรวจมันง่ายแสนง่าย ห้องเครื่อง ดูความเรียบร้อย การเก็บสายไฟ คราบสี คราบน้ำมัน อย่ามีมาเปรอะเลอะเทอะ ของเหลวต่างๆ นำ้มันเบรก น้ำมันเครื่อง น้ำฉีดกระจก น้ำมันพาวเวอร์ น้ำหม้อน้ำ ถามให้แน่ชัดว่าอยู่ตรงจุดไหน เวลานำรถไปใช้จะได้ดูแลได้อย่างถูกจุด และถือโอกาสเช็กระดับของเหลวไปในตัว อย่าเผื่อเหลือเผื่อขาด สายพาน งานช้างแน่ๆ ถ้าคิดจะถอดมาดูสภาพหรือวันผลิต เอาเป็นว่า ดูคร่าวๆ ไม่ร้าวไม่แตก ที่สำคัญเงียบ ถ้ามีเสียงให้สันนิษฐานได้เลย ว่าเสื่อมสภาพ
สำคัญสุด...! สตาร์ตเครื่อง-เร่งเครื่อง แล้วเช็กการทำงานอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งอาการของเครื่องยนต์เช็กให้หมด ความร้อนปกติ เสียงดัง เครื่องสั่น น้ำมันเยิ้ม หรือไม่
เอกสาร ของแถม สิ่งเล็กๆ ที่ยุ่งแสนยุ่ง
เรื่องของเอกสารเป็นอะไรที่มันยุ่งยากกว่าการเช็กรถเป็นเท่าตัว อย่าลืมตรวจตราสัญญาต่างๆ ให้ถูกต้อง เพราะถ้าต้องกลับมาแก้ไขแล้วละก็ วิ่งเข้าวิ่งออกศูนย์พัลวันแน่นอน ประกัน พรบ. ใบเสร็จรับเงิน
ใบเสร็จค่ามัดจำป้ายแดง-สมุคคู่มือป้ายแดง ป้ายแดง ต้องมีตรา ขส. เท่านั้น ถ้าไม่มีเป็นป้ายปลอม แต่โดนตำรวจจริงเรียกแน่ๆ เอกสารการรับประกันอุปกรณ์รถและเช็กระยะ คู่มือรถ เอกสารเซ็นจดทะเบียน
ของแถมต่างๆ ตามที่ตกลง
ตรงตามสเปกเท่านั้น ถ้าผิดแปลกให้ทักท้วงเสียตั้งแต่แรก กว่าเราใช้วาทะศิลป์มากมายชนิดน้ำลายแตกฟองถึงจะขอมาได้ ก็ต้องอย่าลืมตรวจเช็กว่าเราได้ครบตามสัญญาหรือเปล่า เพราะเซลล์บางคนก็มักจะมีเจตนาบริสุทธิ์....ลืมให้เรามาซะอย่างงั้น
ส่วนเรื่องปัญหาเครื่องยนต์กลไกต่างๆ คงต้องปล่อยให้การใช้งานจริงในการตรวจสอบจะเห็นได้ชัดเจนมากกว่า แต่โดยมากแค่ขับรถออกจากศูนย์ระหว่างทางก็น่าจะพอบอกได้คร่าวๆ แล้วละว่ารถคันนี้สมบูรณ์ดีหรือไม่
และสุดท้ายด้วยรักและปรารถนาดีอย่างยิ่งทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นเราทำแบบฟอร์มขั้นตอนการตรวจรับรถป้ายแดงกับจุดหลักๆ ที่จำเป็นต้องทำการตรวจสอบทำการพิมพ์แบบฟอร์มด้านล่าง แล้วพกพาติดตัวไปใช้ตรวจสอบในวันรับรถกันให้ถ้วนหน้า เพียงเท่านี้ก็มั่นใจได้แล้วว่าเราจะไม่ต้องขับรถกลับเข้าศูนย์ก่อนการเช็กระยะครั้งต่อไปแล้ว...
ดาวน์โหลดขั้นตอนการตรวจรับรถป้ายแดง
คลิกที่นี่ ข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
79
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / ธกส.จับมือโตโยต้า รุกสินเชื่อรถยนต์'ปิคอัพขับสบาย'
เมื่อ: มิถุนายน 01, 2012, 05:44:23 PM
ธ.ก.ส.จับมือโตโยต้า รุกสินเชื่อรถยนต์ “ปิคอัพขับสบาย” คาด 6 เดือน ผู้ประกอบการเกษตรรายใหญ่ ขอสินเชื่อ 6.5 พันล้าน ยอดซื้อรถ 3 พันคัน พร้อมเดินหน้าขยายสินเชื่อรถยนต์แบบอื่น เพิ่มสัดส่วนสินเชื่อนอกภาคการเกษตรให้เต็มเพดาน 20%...
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. นายบุญช่วย เจียดำรงชัย รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการรถยนต์ขนส่งเพื่อพัฒนา คุณภาพชีวิต (ปิคอัพขับสบาย) ร่วมกับบริษัท โตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย จำกัด ว่า โครงการสินเชื่อปิคอัพขับสบาย เปิดโอกาสให้เกษตรกรลูกค้าของ ธ.ก.ส.สามารถจัดหารถยนต์ในการสนับสนุนกระบวนการผลิตและการขนส่งเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตทางการเกษตรได้อย่างสะดวกคล่องตัว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-30 พ.ย. 2555 โดยมีรถยนต์โตโยต้า ที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย รถกระบะรุ่น VIGO หนึ่งตอนและหนึ่งตอนครึ่ง
ทั้งนี้ เกษตรกรลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการจะได้การชดเชยดอกเบี้ย MRR ปัจจุบันอยู่ที่ 7% ต่อปี ใน 6 เดือนแรก และได้รับการลดหย่อนในเรื่องหลักประกัน ไม่ว่าจะเป็นการจำนองอสังหาริมทรัพย์ หรือใช้บุคคลค้ำประกัน โดยให้วงเงินกู้ 80-100% ของทรัพย์สิน สามารถผ่อนชำระคืน ได้สูงสุดถึง 8 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยแบบต้นเงินลดดอกเบี้ยลด อีกทั้งลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการยังสามารถเข้าร่วมโครงการรถยนต์คันแรกตามนโยบายรัฐบาลได้ด้วย
นอกจากนี้ ตามโครงการดังกล่าว โตโยต้าจะสนับสนุน ดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อปิคอัพขับสบาย ใน 6 เดือนแรก เพื่อเป็นการลดภาระในเรื่องอัตราดอกเบี้ยให้กับเกษตรกร รวมทั้งจัดให้มีโปรแกรมเข้ารับการบำรุงรถยนต์เพื่อยืดอายุการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาให้กับผู้เข้าร่วมโครงการด้วย
ธ.ก.ส.ตั้งเป้าหมาย ในช่วงเดือนแรก คาดว่าจะมียอดจองรถในโครงการดังกล่าว 3,000 คัน คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 6,500 ล้านบาท ซึ่งหลังนั้นวงเงินสินเชื่อจะขยายเพิ่มหรือไม่ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ จะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ทำสวนยางและปลูกพืชไร่ มีความต้องเปลี่ยนรถใหม่มาใช้แทนรถคันเดิม
นายบุญช่วย กล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้ ธ.ก.ส.ยังมีนโยบายที่จะขยายบริการสินเชื่อรถยนต์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เช่น ข้าราชการในหน่วยงานที่ ธ.ก.ส. มีการดำเนินงานร่วม เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รวมถึงประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้ เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมแก่ประชาชน รวมถึงจะขยายความร่วมมือจัดแคมเปญเป็นพันธมิตรร่วมกับผู้ประกอบรถยนต์ค่ายอื่นๆ ด้วย เป็นนโยบายเร่งด่วนที่ธนาคาร ต้องการขยายสัดส่วนสินเชื่อนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นครบ 20% ตามเพดานที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับธนาคารอีกทางหนึ่ง จากปัจจุบันมีสัดส่วนสินเชื่อภาคเกษตรกว่า 80%.
ข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
80
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Vigo Club โตโยต้า วีโก้คลับ / โตโยต้าเปิดตัว ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี
เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2012, 06:36:28 AM
โตโยต้าเปิดตัว ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี รถกระบะเชื้อเพลิง 2 ระบบ เคาะราคารุ่นต่ำสุด6.2แสน
นาย วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้แนะนำ ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ เข้าสู่ตลาดรถยนต์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า จึงได้แนะนำ ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี รถกระบะเชื้อเพลิง 2 ระบบ ที่ให้ความมั่นใจในคุณภาพด้วยการออกแบบ โดยเฉพาะระบบ CNG ที่ควบคุมการผลิตจากโรงงานโตโยต้าโดยตรง ยิ่งใช้ยิ่งคุ้ม ยิ่งวิ่งก็ยิ่งประหยัด ตอบโจทย์ความคุ้มค่าได้อย่างลงตัว
ไฮสักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง.....เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 VVT-i เอกสิทธิ์หนึ่งเดียวใน ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษเพื่อรองรับการใช้งานในระบบหัวฉีดก๊าซ CNG โดยเฉพาะ
เครื่องยนต์ รุ่น 2TR – FE
-ความจุกระบอกสูบ 2,694 ซีซี
-แรงม้าสูงสุด 118 กิโลวัตต์ (160 แรงม้า) ที่ 5,200 รอบต่อนาที
-แรงบิดสูงสุด 241 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที
ระบบเกียร์ ธรรมดา 5 สปีด
ทนทาน......ด้วยวัสดุเสริมบ่าวาล์วใหม่ที่เคลือบผิววาล์วไอเสียให้เครื่องยนต์ทนทานแข็งแกร่งเป็นเยี่ยมรองรับการใช้งานระบบก๊าซ CNG ได้เป็นอย่างดี
-ท่อร่วมไอดีออกแบบพิเศษ ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง
- ออกแบบตำแหน่งช่องรับก๊าซอย่างเหมาะสมตามหลักวิศวกรรมเพื่อความทนทานและความปลอดภัย
- ผลิตสำเร็จจากโรงงาน ไม่มีการตัดเจาะ แข็งแรงรองรับการใช้งานหนัก
ปลอดภัย มั่นใจ.....หนึ่งเดียวที่เสริมโครงสร้างนิรภัยพิเศษ ที่ผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนเช่นเดียวกับโครงสร้างนิรภัย GOA เพิ่มความมั่นใจในทุกสภาวะการขับขี่ด้วย
โครงสร้างเสริมพิเศษใต้กระบะ (Sill Cross Reinforcement) แนวคานเหล็กเพิ่มความหนาขึ้นกว่า 90%
พร้อมปกป้องถังก๊าซจากอุบัติเหตุหรือสิ่งไม่คาดคิด
ถังบรรจุก๊าซ CNG คุณภาพสูง (Super Cylinder Tank) ผลิตจากเหล็กกล้าชนิดพิเศษ แข็งแกร่งและทนทาน
-โครงสร้างนิรภัยสำหรับวาล์วหัวถัง (Side Impact Protector) คุณภาพสูง ทนแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม
- วาล์วหัวถังนิรภัย (Cylinder Safety Valve) มั่นใจเต็มที่ด้วยระบบความปลอดภัย 5 ชั้น
- ท่อนำก๊าซแรงดันสูงแบบพิเศษ (Super High Pressure Tube) ทนทานกว่าด้วยสแตนเลสเคลือบ
โพลีเอทิลีนหนา 2 ชั้น
สมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด.....สร้างมาตรฐานใหม่ให้รถกระบะ CNG ด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน
-หัวรับก๊าซคุณภาพสูง (CNG Receptacle) พร้อมฐานยึดที่ออกแบบพิเศษ หมดปัญหาก๊าซรั่วขณะเติม
-ลิ้นกันกลับ เสริมความปลอดภัย 2 ชั้น (Double Check Valve)บริเวณหัวรับก๊าซและวาล์วหัวถัง
-อุปกรณ์ควบคุมแรงดันก๊าซ (Regulator) ป้องกันการความเสียหายกรณีแรงดันเกิน
-กรองก๊าซขนาดใหญ่ (CNG Filter) ป้องกันคราบน้ำมันสะสมบริเวณชุดหัวฉีด
-ระบบหัวฉีดก๊าซแบบ 3 ทาง (Sequential Injection System) ช่วยให้หัวฉีดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- กล่องควบคุมระบบก๊าซอัจฉริยะ (ECU: Electric Control Unit) คำนวณการสั่งจ่ายก๊าซ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด
-สวิตช์สั่งการระบบ CNG พร้อมจอแสดงผล (CNG Control Switch & Display)
- พื้นปูกระบะ (Bed Liner) แข็งแกร่ง ทนทาน
ร่วมพิสูจน์ความคุ้มยิ่งกว่าคุ้มกับ 2 รุ่นคุณภาพ มาตรฐานโรงงาน (ราคารวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม)
-รุ่น Standard Cab ราคา 622,000 บาท
- รุ่น Smart Cab ราคา 724,000 บาท
3 สี....3 สไตล์
-Super White
- Silver Mettalic
- Silky Gold Miga Mettalic
"พบกับ ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี9 – 10 มิถุนายน นี้ ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า 340 แห่งทั่วประเทศ"นายวุฒิกรกล่าว
81
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Lexus LFA Club / ALL NEW LEXUS RX 2013
เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2012, 06:58:37 PM
Lexus Group แนะนำยนตรกรรมอเนกประสงค์หรูระดับโลก Lexus New RX เทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อน ควบคู่ไปกับศาสตร์ของการออกแบบรูปทรง งานวิศวกรรมผลิตยานยนต์ชั้นเลิศ เพื่อลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสหลังจากการเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่น...
อีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของตลาดรถอเนกประสงค์ระดับหรูของเมืองไทย กับ All New Lexus RX 2013 ด้วยการสร้างสรรค์จากความท้าทายที่จะพัฒนายนตรกรรม SUV ระดับหรูที่ดีที่สุด พร้อมด้วยนวัตกรรมทางการขับเคลื่อนที่ทันสมัย ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร รวมถึงความประณีตพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด เอกลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ Lexus (New Face of Lexus) สะท้อนผ่านกระจังหน้าใหม่ แบบ Spindle Grille พร้อมความปราดเปรียวลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ และเทคโนโลยีอันก้าวล้ำจาก Lexus ตอบสนองทุกความต้องการของทุกการเดินทาง กับพลังการขับขี่ในระบบ Hybrid กับรุ่นเครื่องยนต์พลังงานผสม เบนซิน+มอเตอร์ไฟฟ้า RX450h พร้อมกับทางเลือกแห่งประสบการณ์ระดับหรูในรุ่น RX350 และ RX270
จุดเด่นในการออกพัฒนาของรถ New Lexus RX
I. ดีไซน์ใหม่หมดจดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง – NEW SUV DESIGN
*คงความเป็นเอกลักษณ์ กับ Spindle Grille จากเลกซัสทำให้ RX ใหม่ดูดุดัน โดดเด่นเหนือใคร
*Lexus เติมอารมณ์ความเป็น Sport-SUV มากขึ้นกับเส้นสายด้านข้างตัวถัง
*กันชนดีไซน์ใหม่ พร้อมช่องระบายลมแบบรังผึ้ง (Honeycomb lower grille & sport lower bumper) ***สำหรับรุ่น RX350 เท่านั้น.
*ไฟหน้าใหม่ พร้อม LED Daytime Running Lights
*ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่ (Rear Cluster Combination Lamp)
*ล้อแม็กซ์อัลลอยลายใหม่ 235/60R18 สำหรับรุ่น RX270 และ 235/55R19 สำหรับ รุ่น RX350 และ RX450h
ภายในใหม่หมด : Luxurious & Spacious interior
พวงมาลัย Three-spoke steering wheel เพิ่มความสบายและผ่อนคลายในการขับขี่ พร้อมระบบปรับเบาะและพวงมาลัยอัตโนมัติ Seat/Steering auto return & away system ให้การขึ้น-ลงรถสะดวกมากขึ้น เพิ่มอารมณ์ล้ำสมัยกับแผงตกแต่งลาย metallic บริเวณ glove box ห้องโดยสารกว้างขวางพร้อมประโยชน์ใช้สอยของยานยนต์อเนกประสงค์ ด้วยการทำงานแบบ one-action โดยเมื่อพับเบาะที่นั่งด้านหลัง เบาะจะเคลื่อนต่ำลงด้วยเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการวางสัมภาระ
การขับขี่แบบใหม่ กับ INTELLIGENT DRIVING ASSIST
2nd Generation Remote Controller นวัตกรรมใหม่ที่ให้การควบคุมระบบต่างๆ เป็นไปเพียงปลายนิ้วสัมผัส ระบบช่วยจอด (Parking Assist System) ระบบแผนที่นำทาง (Lexus Navigation System) พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับลูกค้าชาวไทย เท่านั้น ด้วยทางเลือกเมนูที่มีภาษาไทย การแสดงแผนที่แบบ HDD (Hard Disk Drive) และบอกเส้นทางด้วยระบบเสียง พร้อมแสดงข้อมูลการจราจรในเขตกรุงเทพฯ แบบ Real-time ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลกองบังคับการตำรวจจราจร ระบบเครื่องเสียง Lexus Audio System 12 ลำโพง พร้อมรองรับระบบ DVD สำหรับ RX270
เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูง เอกลักษณ์เฉพาะของ Lexus เพื่อความมั่นใจในระหว่างการขับขี่ใช้งาน Vehicle Dynamics Integrated Management (VDIM) โครงสร้างถังได้รับการออกแบบให้แข็งแกร่งมากขึ้น ถุงลมเสริมความปลอดภัย 10 ตำแหน่ง –> ถุงลมเสริมความปลอดภัย Dual-stage SRS สำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยบริเวณหัวเข่า ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้าง และม่านถุงลมเสริมความปลอดภัย โดยถุงลมเสริมความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าเป็นแบบ Twin-Chamber ช่วยรองรับร่างกายส่วนบนและช่วยกระจายแรงกระแทก
เทคโนโลยี 2nd Generation Lexus Hybrid Drive สำหรับรุ่น RX450h สุนทรียภาพแห่งการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6 ในรุ่น RX350 หรือเครื่องยนต์ 2.7 ลิตร L4 สำหรับรุ่น RX270
THE POWER OF h: RX450h
นวัตกรรมแห่งการขับขี่กับ New RX450h ที่ตอบสนองทุกการขับเคลื่อนอย่างแม่นยำเฉกเช่นรถซีดานระดับหรู พร้อมมอบประโยชน์ในแบบฉบับของยานยนต์อเนกประสงค์ ขุมพลังจาก Lexus Hybrid Drive เจเนอเรชั่นที่ 2 ผสานเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้าแรงสูง 2 ตัว เข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด ทำให้ได้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 7.8 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยเพียง 15.9 กม./ลิตร หรือสามารถเลือกโหมด EV (Electric Vehicle) เพื่อการขับขี่ที่ปราศจากเสียง ไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงไม่ก่อให้เกิดมลพิษ โดยแบตเตอรี่ Hybrid ของ RX450h จะถูกชาร์จอย่างต่อเนื่องโดยอัตโนมัติเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน จึงไม่จำเป็นต้องชาร์จเพิ่มเติมแต่อย่างใด นอกจากนี้ ด้วยขนาดของแบตเตอรี่ที่กะทัดรัด RX450h จึงมีพื้นที่สำหรับสัมภาระที่กว้างขวางสะดวกสบาย
V6 LUXURY CROSSOVER : RX350
RX350 ใหม่ สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อนำเสนอยานพาหนะขับเคลื่อน 4 ล้อแห่งอนาคต มาพร้อมเทคโนโลยีและความประณีตหรูหราตามแบบฉบับยนตรกรรม Lexus ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ (Variable Valve Timing-intelligent) ให้กำลังสูงสุด 275 แรงม้า ด้วยระบบ Active Torque Control All-Wheel Drive ภายในหรูหราด้วย Remote Touch ที่สามารถสั่งการระบบต่างๆ เช่น ระบบเครื่องเสียง ระบบอุณหภูมิ และระบบนำทาง ได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส
A LUXURY SUV : RX270
อีกระดับแห่งความภาคภูมิใจของผู้ครอบครอบยนตรกรรมหรูระดับ Premium SUV เครื่องยนต์ L4 2.7 ลิตร Dual VVT-i 185 แรงม้า และระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 ระดับ ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 10.2 กม/ลิตร เทคโนโลยีใหม่และรูปแบบภายในห้องโดยสารที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับความสะดวก สบายของผู้ขับขี่ พร้อม Remote Touch ควบคุมและสั่งงานระบบอำนวยความสะดวก เช่น ระบบช่วยจอด (Parking Assist System) ระบบแผนที่นำทาง (Lexus Navigation System) กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด (Back Camera) จอแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด (Back Monitor) และ ระบบเครื่องเสียง Lexus Audio System 12 ลำโพง พร้อมรองรับระบบ DVD สำหรับ RX270
สีตัวถัง
-White Pearl Crystal Shine
-Quartz White Crystal Shine
-Mercury Gray Mica
-Black
-Starlight Black Glass Flake
-Sleek Ecru Metallic
-Fire Agate Mica Metallic
-Lapis Lazuli Mica
-Platinum Silver Metallic (สีใหม่)
-Garnet Red Mica (สีใหม่)
สีภายในห้องโดยสาร
-Ivory
-Black
-Light Gray
-Saddle Tan (ใหม่)
ราคา
RX270 รุ่น Premium.............................4,090,000 บาท
RX270 รุ่น Premium (Moonroof).........4,390,000 บาท
RX350 รุ่น Premium (Moonroof).........5,990,000 บาท
RX450h รุ่น Premium (Moonroof) 6,990,000 บาท.
ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
- Lexus กรุงเทพ (พระราม 9) โทร. 0 2716 8999
- Lexus สุขุมวิท (ซอย 18) โทร. 0 2260 8123
- Lexus รามอินทรา (กม. 2) โทร. 0 2521 1111.
ข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
83
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Prius Club โตโยต้า พรีอุส คลับ / ทดลองขับ NEW PRIUS 2012 (ตอนที่ 1)
เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2012, 08:37:14 PM
ทดสอบเต็มรูปแบบกับ New Toyota Prius Minor Chang 2012 ตอนแรกกับการรีวิว รูปทรงของตัวถัง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งภายในและภายนอก การทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ Hybrid...
นับจากรถ Prius รุ่นแรกสุดออกวางขายในปี ค.ศ. 1997 จนถึงรุ่นปัจจุบันในปี 2012 Toyota สามารถสร้างยอดตัวเลขของการจำหน่ายกว่า 1.2 ล้านคัน และหากนับรวมเอาจำนวนรถยนต์แบบ Hybrid ทุกรุ่นที่บริษัท Toyota เคยผลิตออกขาย จะทำให้ค่ายสามห่วงขึ้นเป็นผู้นำอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วย จำนวนของรถยนต์เครื่องยนต์ลูกผสมแบบ Hybrid กว่า 1.7 ล้านคัน ซึ่งช่วยทำให้การปล่อยก๊าซ Co2 ลดลงถึงกว่า 9 ล้านตันทั่วโลก รถ Toyota New Prius Model 2010-2012 มีพลังเพิ่มขึ้น 35% ลดการปล่อย Co2 ลงอีก 25% รวมถึงประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นอีก 23% เมื่อเทียบกับรุ่นแรกสุด รถยนต์พลังงานผสม Prius คือผู้ริเริ่มและบุกเบิกนวัตกรรมยานยนต์ประหยัดพลังงานสองรูปแบบ ที่หลายค่ายต้องนำไปลอกเลียน ระบบขับเคลื่อน Series-Parallel hybrid ของมันนับเป็นอีกหนึ่งงานวิศวกรรมยานยนต์ที่เหมาะสมกับปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบปกติ Toyota พัฒนาระบบนี้อย่างเข้มข้น เพื่อทำให้มันขับเคลื่อนได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร หรือมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ความเร็วต่ำกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Prius สามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานจากมอเตอร์ล้วนๆ จนกว่าไฟจะหมดแบตฯ หลังจากนั้นเครื่องยนต์จะเข้ามารับหน้าที่แทน โดยจะขับเคลื่อนตัวรถ ไปพร้อมๆ กับการชาร์จประจุ กักเก็บกระแสไฟฟ้ากลับคืนสู่แบตเตอรี่อีกครั้ง หมุนเวียนไปตลอดการขับขี่ใช้งาน วิศวกรของค่ายสามห่วงเคลมว่า เมื่อมันชาร์จไฟจนเต็มที่แล้ว จะวิ่งได้ด้วยความเร็วไม่เกิน 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ไกลประมาณ 2 กิโลเมตรพร้อมกับเสียงการทำงานที่เงียบสนิท
รุ่นใหม่ล่าสุดของ Toyota Prius โมเดล 2012 ถูกเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม 2555 โดยทางค่าย Toyota Motor Thailand co,ltd ส่งรถพลัง Hybrid ยอดนิยมรุ่นนี้ลงทำตลาดอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับ New Camry Hybrid และนำเอานวัตกรรมของรถยนต์ประหยัดพลังงานยุคใหม่มาเป็นจุดขาย มันคือผู้นำด้านรถยนต์พลังงานผสมที่มียอดขายสูงกว่าคู่แข่ง และได้กลายเป็นยนตรกรรมสีเขียว แนวอนุรักษ์สภาพแวดล้อมที่ปล่อยมลพิษต่ำ สมรรถนะด้านการขับใช้งานที่เพิ่มขึ้น มีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ จากการออกแบบรูปทรงของตัวถังและประหยัดเชื้อเพลิงอย่างสูงสุด และนี่คือที่มาของรถยนต์พลังงานผสม ที่สร้างความพึงพอใจจากการขับขี่ได้ดีที่สุดในยุคนี้ ด้วยความกว้าง 1,525 มิลลิเมตรของฐานล้อหน้า ยาว 4,460 มิลลิเมตรและสูง 1,490 มิลลิเมตร ช่วยทำให้รถยนต์พลังงานผสมคันนี้ดูอวบอ้วนมากกว่าความเป็นจริง ความต้องการให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศต่ำกว่าปกติ บีบบังคับให้รูปทรงของมันออกมาอย่างที่เห็น วิศวกรผู้ออกแบบ Mr Akihiko Otsuka เน้นไปที่จุดสูงสุดของการเคลื่อนที่ โดยวางตำแหน่งการขับเอาไว้แทบจะกึ่งกลางของตัวรถ รูปทรงของตัวถังมีค่า CD น้อยลงกว่ารุ่นที่สอง รวมถึงชิ้นหลังคาแก้วในโมเดลไมเนอร์เชนจ์ ส่วนภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกถึงความสมดุลที่ดี ระหว่างรถยนต์แห่งอนาคต กับรถที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โทนสีเข้มสลับเทาช่วยทำให้ห้องโดยสารมีความผ่อนคลาย เบาะหนังนั่งสบายในทุกตำแหน่ง พื้นที่เหนือศีรษะมีมากพอ การใช้โทนสีเข้มสลับอ่อน ช่วยทำให้บรรยากาศภายในดูเบาสบายตาและสว่างมากขึ้น แด็ซบอร์ดผลิตจากวัสดุ Ecological Plastic (ทำมาจากพืชแล้วขึ้นรูปด้วยการฉีดแม่พิมพ์) อาจมีความแตกต่างไปบ้างจากพลาสติกทั่วๆไป ในเรื่องของมุมมองและผิวสัมผัส วัสดุ Ecological Plastic สามารถนำไปผ่านกระบวนการย่อยสลายแล้วนำกลับมาใช้ได้ใหม่ซึ่งตรงตาม Concept ของการอนุรักษ์พลังงานที่เป็นจุดขายของเจ้า New Prius
Toyota Prius คันแรกออกขายในปี 1997 จวบจนมาถึงรุ่นปัจจุบันในเจนเนอเรชั่นที่ 3 กับโมเดล Minor Change ของปี 2012 ที่คล้ายคลึงกันทั้งในยุโรป อเมริกา รวมถีงในเอเชีย โดยภาพรวม Toyota ยังคงรูปทรงของตัวถังเดิมเอาไว้ แต่เปลี่ยนแปลงระบบบริหารพลังงานให้ดีขึ้น ปรับเปลี่ยนชุดไฟหน้าและไฟท้ายใหม่หมด รวมถึงกระจังหน้าและไฟตัดหมอกที่คมเข้มขึ้นมาอีกนิดหน่อย รูปทรงแบบลิ่มมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ 0.25 อากาศพลศาสตร์ที่ผ่านการพัฒนามาเป็นอย่างดี ทำให้มันมีความลู่ลม ซึ่งส่งผลไปถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น สปอยเลอร์หน้ายังฝังชุดมอเตอร์ฉีดน้ำ เพื่อทำความสะอาดโคมพลาสติกโพลิเมอร์ของไฟหน้า ไฟหน้าใน Prius Minor Change 2012 มีรูปแบบที่เปลี่ียนไปจากโมเดล 2010 ใช้หลอดไฟแบบ LED เพื่อการกระจายแสงสว่างที่ให้มุมมองดีกว่าไฟแบบฮาโลเจน พร้อมด้วยระบบเปิด-ปิดไฟหน้าและปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ
หลังคาแบบกระจก Moon Roof ผสมหลังคากักเก็บพลังงาน Solar Roof คือสิ่งที่วิศวกรของค่ายสามห่วงเพิ่มเติมเข้ามาในรุ่น Minor Change ปี 2012 มันคือระบบ Solar Ventilation System ที่ช่วยระบายอากาศร้อนภายในห้องโดยสารขณะจอดตากแดด ลดอุณหภูมิของห้องโดยสารจากการสั่งงานที่รีโมตคอนโทรล ช่วยให้การใช้งาน ท่ามกลางสภาพอากาศแบบเมืองร้อนของประเทศไทยมีความสะดวกสบายขึ้น แผงหลังคา Solar Ventilation System จะรับพลังงานโดยตรงจากแสงอาทิตย์ และแปรพลังงานที่ได้เป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงการทำงานของพัดลม ด้วยระบบที่แยกกันจากการใช้เชื้อเพลิงอย่างสิ้นเชิง ทำให้มันมีตัวเลขการสิ้นเปลืองที่น่าทึ่งมาก ทรงด้านข้างตัวถังแบบลิ่มคล้ายกับรถ Concept Car สมัยใหม่ รถ Prius Minor Change 2012 ใช้ล้อแม็กอัลลอยขนาด 15 นิ้ว ห่อหุ้มด้วยยางลดแรงต้านทานกับผิวถนนยี่ห้อ Goodyear รุ่น Excellence ขนาด 195/65R15 ทั้ง 4 ล้อ วงล้ออัลลอยสีดำลายห้าก้านยังทำเท่ ด้วยการแปะพลาสติกสีเงิน เพื่อลดการหมุนวนของอากาศเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง
ทรงตันทึบของบั้นท้ายใน Prius Minor Change ดูดีด้วยกระจกบานหลังแบบสองชิ้น มีครีบสปอยเลอร์หลังกั้นกลาง กระจกบานหลังแบบแฮตช์แบคยังใช้ความลาดเอียงสูงสุด เพื่อทำให้อากาศไหลผ่านได้อย่างมีระเบียบ ไฟท้ายแบบใหม่ยังคงใช้หลอดไฟแบบ LED อยู่ในกรอบไฟท้ายพลาสติกสีขาว เงิน และแดงที่ทำออกมาได้ดีไม่แพ้ตัว 2010 ไฟเบรกดวงที่สามวางตัวอยู่กึ่งกลางของชิ้นสปอยเลอร์หลัง รูปทรงแบบเหลี่ยมของบั้นท้ายเจ้า Prius Minor Change ยังเข้ากับสปอยเลอร์หลังที่มีแผ่นพลาสติกสะท้อนแสง ส่วนไฟถอยไม่ต้องตกใจว่าหลอดขาดเนื่องจาก Toyota ติดตั้งไฟถอยในตำแหน่งไฟท้ายด้านซ้ายเพียงที่เดียวเท่านั้น ประตูฝาท้ายเปิดออกได้ด้วยมุมที่สูง ช่วยให้การขนสัมภาระมีความสะดวก ฝาท้ายประทับตรา Hybrid Synergy Drive สีเงิน-ฟ้า กับโลโก้ Toyota สีเงินพื้นฟ้า ที่บ่งบอกตัวตนว่ามันคือยานยนต์พลังงานผสมสุดฮิตของค่าย toyota
ภายในของ Prius Minor Change รุ่นท็อปคันทดสอบมีพื้นที่เท่าเดิม เบาะคนขับปรับตั้งสูงต่ำ-ใกล้-ไกลได้ 8 ทิศทางด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนเบาะผู้โดยสารตอนหน้านั้น ยังคงใช้การปรับแบบแมนนวล หรือปรับตั้งด้วยมือโดยไม่สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้ เบาะทุกตำแหน่งหุ้มหนังแท้สีเทา-ดำเย็บด้ายสีขาวแบบตะเข็บคู่ คอนโซลและชิ้นส่วนบางชิ้นภายในห้องโดยสาร ใช้วัสดุรีไซเคิลทำจากพืชหรือ Ecological Plastic ขึ้นรูปด้วยการฉีดลงแม่พิมพ์แบบแรกของโลก วิศวกรของ Toyota แจ้งว่าวัสดุที่ทำมาจากพืชได้มาจากป่าปลูก ดูแปลกตาด้วยลวดลายผิวพื้นที่คล้ายกับเส้นใย ที่โดดเด่นในโมเดล Minor Change คือจอแสดงผลระบบสัมผัส ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลายขึ้นมากกว่ารุ่นที่แล้ว (เฉพาะรุ่นสูงสุด) จอ DVD-AVN พร้อมด้วยระบบนำทางด้วยดาวเทียม หน้าจอ LCD ให้ความคมชัดสูงมีขนาด 6.1 นิ้ว มาคู่กับรีโมตคอนโทรล สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอกด้วยช่อง AUX-USB และระบบ Bluetooth จอดังกล่าวยังทำงานร่วมกับเกียร์ถอย ด้วยการใช้เป็นมอนิเตอร์ให้กับกล้องถอยหลัง และสัญญาณเสียงเมื่อเข้าใกล้วัตถุกีดขวาง
พวงมาลัยสี่ก้านหุ้มหนัง มีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง ปรับตั้งทริปมิเตอร์และปุ่มปรับระบบปรับอากาศ ซึ่งมองเห็นได้จากจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Advanced Multi-information Display -MID แบบออฟติรอนเรืองแสง แสดงผลการขับขี่ทุกโหมด ระบบของพลังงาน การชาร์จแบตเตอรี่ ระดับเชื้อเพลิง โหมดการทำงานของระบบ Hybrid Energy Monitor โหมดแสดงผลการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือ Hybrid System Indicator โหมดแสดงแผลอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Consumption Record ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์สีฟ้า และก้านปรับตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ระบบ Head-up Display ยิงตัวเลขความเร็วของรถ สะท้อนขึ้นไปยังตำแหน่งกระจกหน้า โดยที่ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
คันเกียร์ออโต้ E-CVT Electronic Gear Shift คล้ายกับจอยสติ๊กซึ่งใช้การดันไปในตำแหน่งที่ต้องการ ระบบส่งกำลังที่สั่งการด้วยไฟฟ้าของ Prius Minor Change ยังคงเหมือนกับรุ่นที่แล้วทั้งหัวเกียร์และซุ้มเกียร์ ที่ออกแบบให้กั้นกลางห้องโดยสารแบบแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน ส่วนลำโพงของ Prius Minor Change วางลำโพงคุณภาพสูงพร้อมเพาเวอร์แอมป์ของอเมริกันยี่ห้อ JBL ถึง 8 ทิศทาง (เฉพาะรุ่นท็อปสุด) ใกล้กับซุ้มเกียร์มีปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกสามโหมดคือ Power Mode เมื่อต้องการอัตราเร่งและกำลัง ECO Mode ใช้ขับขี่แบบประหยัด และ EV Mode ที่ใช้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ในการขับเคลื่อน (หากเแบตเตอรี่ใกล้หมดไฟ ระบบจะสั่งการให้เครื่องยนต์ทำงานโดยอัตโนมัติ) ส่วนระบบเกียร์ทดกำลังหริือ Reduction Gear ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มแรงบิดให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานอย่างนิ่มนวลในการเปลี่ยนอัตราทด อุปกรณ์แยกกำลังหรือ Power Split Device ทำหน้าที่ผสานกำลังของเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE Atkinson Cycle เป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อน และการหมุนเจนเนอร์เรเตอร์สำหรับผลิตกระแสไฟ เพื่อประจุเข้าสู่แบตเตอรี แล้วนำไปใช้หล่อเลี้ยงมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นต้นกำลังเสริม มอเตอร์จะเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี ให้แปรเปลี่ยนมาเป็นพลังงานกล ในรูปของแรงบิด เพื่อช่วยเครื่องยนต์ทำการขับเคลื่อนตัวรถในบางสถานการณ์ เช่น ในขณะที่กำลังออกตัวด้วยรอบต่ำ หรือเมื่อผู้ขับต้องการเร่งแซง ทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตในขณะที่ทำการสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยสวิตช์สตาร์ต จุดเด่นของมอเตอร์ใน New Prius คือสามารถสร้างแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่มันเริ่มหมุน ส่วนเจนเนอร์เรเตอร์ ทำหน้าที่แปรเปลี่ยนพลังงานกล จากการหมุนมาเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อทำการประจุกระแสไฟเข้าสู่ตัวแบตเตอรี่ หรือส่งกระแสไฟตรงๆ ไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าก็ได้
เครื่องยนต์ รหัส 2ZR-FXE Atkinson Cycle ตัวนี้ มีการทำงานของการจุดระเบิดที่พัฒนาขึ้นอีกระดับ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนของย่านกำลัง อัด โดยใช้ระบบวาล์วแปรผันแบบ VVT-i ทำงานร่วมกันกับระบบ EGR-Exhaust Gas Recirculation เพื่อนำเอาไอเสียบางส่วนที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ มาวนเข้าสู่ห้องเผาไหม้แล้วสันดาปอีกครั้ง ปั๊มน้ำของเครื่อง 2ZR-FXE ใช้ปั๊มไฟฟ้าแทนสายพานและมีน้ำหนักเบากว่า สามารถทำการหล่อเย็นให้กับทุกระบบของเครื่องยนต์ แม้เครื่องจะหยุดทำงานด้วยระบบ Stop-Start ก็ตาม ระบบ Hybrid Synergy Drive ใน New Prius ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า+เกียร์ E-CVT+Power Control Unit ที่ติดตั้งอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า ส่วนท้ายของ Prius เป็นชุดแบตเตอรี่ Hybrid พร้อมชุดควบคุมอุณหภูมิ เพื่อทำให้ตัวแบตฯ สามารถจ่ายไฟได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกสภาพอากาศ สิ่งที่เป็นกังวนมากที่สุดของผู้ที่ตกลงใจเลือกใช้รถยนต์แบบ Hybrid ในบ้านเราก็คือราคาค่าตัวของแบตเตอรี่ เนื่องจากมันมีความแตกต่างทั้งรูปทรง พลังงานที่ให้และราคาเมื่อเปรียบเทียบกับแบตฯแบบปกติทั่วไป โรงงานที่ผลิตแบตเตอรี่ให้กับรถ Prius คือโรงงาน Primearth EV Energy Co.,LTD. ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งทำการผลิตแบตเตอรี่แบบ Ni-MH-Nickel Metal Hydride เพื่อป้อนให้กับรถยนต์ Hybrid ของค่าย Toyota แต่เดิมโรงงานดังกล่าวเป็นของบริษัท Panasonic ในภายหลังบริษัท Toyota ได้เข้ามาถือหุ้นถึง 51 % มีการรับประกันอายุการใช้งาน 8 ปีแต่ส่วนใหญ่แล้ว แบตเตอรี่ของมันจะมีอายุยืนยาวพอๆ กันกับตัวรถเลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัยใน Prius Hybrid Minor Change 2012
-กระจกมองข้างลดการเกาะตัวของหยดน้ำ Hydrophilic
-ระบบควบคุมการปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
-กระจกมองหลังลดแสงสะท้อน EC Mirror
-สัญญาณไฟเบรกกะพริบเมื่อใช้เบรกกะทันหัน Emergency Stop Lamps
-ระบบควบคุมการทรงตัว VSC- Vehicle Stability Control
-ระบบกระจายแรงเบรก EBD Electronic Brake-force Distribution
-ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC Traction Control System
-ระบบป้องกันล้อล็อก ABS Anti-lock Braking System
-ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง - ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง / ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง / หัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
-หมอนพิงศีรษะคู่หน้าแบบลดแรงกระแทก Active Headrest
-โครงสร้างนิรภัยแบบ GOA
Toyota New Prius Hybrid Minor Change 2012 Specifications
เครื่องยนต์.................................4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i
รหัสเครื่องยนต์..........................2ZR-FXE
ปริมาตรความจุ.........................1,797 ซี.ซี.
กระบอกสูบXช่วงชัก.................80.5 มิลลิเมตรx 88.3 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด....................13.0:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง...................หัวฉีด EFI
แรงม้าสูงสุด............................99 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด............................142 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
มอเตอร์เจนเนอเรเตอร์............ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด...................650 โวลต์
กำลังสูงสุด...............................82 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด............................207 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง...................................0-100 กิโลเมตรใน 10.4 วินาที
ความเร็วสูงสุด.........................183.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แบตเตอรี่...............................Ni-MH-Nickel Metal Hydride
แรงดันไฟฟ้า.............................201.6 โวลต์
จำนวนโมดูล.............................28 โมดูล 168 เซลล์
กำลังสูงสุด...............................37 แรงม้า
ความจุไฟฟ้า.............................6.5 แอมป์ต่อชั่วโมง
ระบบขับเคลื่อน
ชุดส่งกำลัง...............................เกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT
ระบบรองรับ
ด้านหน้า...................................แมคเฟอร์สันสตรัท สปริงและเหล็กกันโคลง
ด้านหลัง...................................อิสระทอร์ชั่นบีม
ล้อและยาง...............................อัลลอยขนาด 15 นิ้ว ยาง Goodyear รุ่น Excellence ขนาด 195/65R15 ทั้ง 4 ล้อ
ระบบเบรก...............................ดิสเบรกทั้งสี่ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อนพร้อมระบบช่วยเบรก ABS EBD
มิติตัวถัง
ความกว้าง...............................1,745 มิลลิเมตร
ความยาว.................................4,460 มิลลิเมตร
ความสูง...................................1,490 มิลลิเมตร
ความจุถังเชื้อเพลิง...................45 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ...........................1,395 กิโลกรัม
สีตัวถัง
White Pearl Crystal (คันทดสอบ)
True Blue Metallic
Silver Metallic
Attitude Black Mica
Red Mica Metallic
ราคา
1.8 Tpo Option........................1,369,000 บาท (คันทดสอบ)
1.8 Top.....................................1,299,000 บาท
1.8 Standard.............................1,199,000 บาท
Arcom roumsuwan
E-Mail
Facebook
86
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / โตโยต้าแปลงร่าง DS เป็นเครื่องนำทาง
เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 09:50:30 PM
บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศเปิดตัวรถนำทางอัจฉริยะรุ่นใหม่ ที่ใช้เครื่องนินเทนโด DS มาเป็นระบบนำทาง ให้ผู้โดยสารควบคุมเลือกเส้นทางไร้สายผ่านบลูทูธ
ก่อนหน้านี้ในประเทศญี่ปุ่น ได้เคยมีการนำเครื่องเล่นเกมพกพานินเทนโด DS มาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนในชั้นเรียนภาษาอังกฤษของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อให้เด็กเกิดความสนใจและสนุกไปกับการฝึกทักษะภาษาอังกฤษ
ล่าสุดทางบริษัทโตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในญี่ปุ่น ก็ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ของเจ้าเครื่องเกมพกพาตัวนี้เช่นกัน ด้วยการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีระบบนำทางอัจฉริยะ ผ่านทางซอฟต์แวร์ "Kuruma de DS" บนเครื่องนินเทนโด DS แล้วเชื่อมต่อไร้สายเข้ากับตัวรถยนต์ด้วยสัญญาณบลูทูธ
สำหรับตัวซอฟต์แวร์ "Kuruma de DS" (แปลเป็นไทยว่า "ใช้ DS ในรถ") จะเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารสามารถใช้เครื่อง DS ในการเลือกจุดหมายที่เราจะไป ซึ่งตัวระบบจะแสดงแผนที่เส้นทางรวมไปถึงข้อมูลรายละเอียดจุดชมวิวต่างๆ รวมไปถึงผู้โดยสารยังสามารถบันทึกสถานที่ต่างๆที่เคยไปมาแล้วเอาไว้บนเครื่อง DS
ซึ่งตลับเกม "Kuruma de DS" นี้จะรองรับเทคโนโลยีบลูทูธ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถจับคู่กันระหว่างเครื่องเกมพกพา DS เข้ากับตัวรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย เปรียบเสมือนเครื่อง DS ดั่งรีโมทคอนโทรล อีกทั้งอินเตอร์เฟซการใช้งานยังได้ใส่ฟีเจอร์ตัวละคร Mii ลงไปสำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการใช้เครื่อง DS ให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมเกจ์วัดความเร็วของรถฉบับจิ๋ว
นอกจากนี้ด้วยซอฟต์แวร์ "Kuruma de DS" ผู้ใช้ยังสามารถสอบถามข้อมูล และฟังคำตอบจากเครื่องนินเทนโด DS ผ่านทางลำโพงของรถยนต์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามซอฟต์แวร์ดังกล่าวใช้ได้กับเฉพาะรถยนต์ตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดของโตโยต้าเท่านั้น ซึ่งมีราคาต่อคันตกอยู่ที่ 206,850 เยนหรือประมาณ 80,850 บาท ส่วนตัวซอฟต์แวร์จะขายแยกในราคา 7,329 เยนหรือประมาณ 2,860 บาท
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
kotaku
88
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ : 50 ปี Toyota
เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 09:56:49 PM
ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ : 50 ปี Toyota
VIDEO
ในโอกาสโตโยต้าครบรอบ 50 ปีที่ได้เข้ามาดำเนินงานในประเทศไทย จึงได้จัดทำเพลงพิเศษ "ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ"
ภายใต้แนวคิดการแสดงให้เห็นถึงความผูกพัน และการให้สิ่งดีๆแก่กัน เปรียบเสมือนกับลูกค้าที่มีรถยนต์โตโยต้า เป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตในการเดินทางที่ผ่านเรื่องราวต่างๆมากมาย ซึ่งได้อยู่เคียงข้างกันตลอดมา และจะมีกันตลอดไป
89
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Camry Club โตโยต้า แคมรี่ คลับ : All New Camry / ทดลองขับ ALL NEW CAMRY HYBRID 2012 (ตอนที่ 1)
เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2012, 12:23:08 PM
ทดสอบยานยนต์ประหยัดพลังงานคันหรูรุ่นล่าสุด All New Toyota Camry Hybrid 2012 ตอนแรกกับการรีวิว ภายนอก ภายใน อุปกรณ์อำนวยความสะดวก เครื่องยนต์ ชุดส่งกำลัง และการทำงานของระบบ Hybrid...
รถยนต์ Hybrid ของค่าย Toyota มีพัฒนาการมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้วในรถยนต์ตระกูล Prius หลังจากนั้นจึงแพร่ขยายเครื่องยนต์ลูกผสม ไปยังรถโมเดลอื่นๆ เพื่อเป็นการขยายตลาดเช่น Alphard / Estima / Lexus LS460H / RX400H / GS450H และล่าสุดกับการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังเครื่องยนต์ลูกผสม ในรูปแบบของรถซีดาน ขนาดกลางยอดนิยมโมเดล Camry ซึ่งเป็นรถยนต์ Hybrid รุ่นแรกสุดที่ทำการประกอบภายในประเทศทั้งคันในโรงงานสุดไฮเทคของ Toyota ที่จังหวัดฉะเชิงเทราในอำเภอบ้านโพธิ์ ด้วยการคิดค้นเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีการทำงานประสานกันระหว่างเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า กับระบบอิเล็กทรอนิกส์สมองกลไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์ ที่จะทำให้การขับขี่ใช้งานรถยนต์ของคนไทยมีความประหยัดมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตการณ์ราคาน้ำมัน เมื่อราคาเชื้อเพลิงในรูปของน้ำมันเบนซินถีบตัวสูงขึ้น และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงมาอีกแล้ว รวมถึงมาตรการลดปริมาณไอเสีย CO2 ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นทุกปี ได้กลายมาเป็นตัวแปรสำคัญในการผลิตยานยนต์ของค่าย Toyota ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และนี่คือยนตรกรรมซีดาน 4 ประตูเครื่องยนต์ลูกผสม เบนซิน + มอเตอร์ไฟฟ้าในโมเดลล่าสุดของรถยนต์ในตระกูล Camry รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ประหยัดและปล่อยมลภาวะน้อยลง ความน่าสนใจของรถรุ่นนี้ได้ทำให้ Toyota กลายเป็นผู้นำเจ้าแรกในการรังสรรค์ยานยนต์พลัง Hybrid โดยเฉพาะความพึงพอใจของลูกค้าต่อการขับขี่ใช้งาน
รูปทรงที่ผ่านการขัดเกลามาเป็นอย่างดีสำหรับรถทดสอบพลัง Hybrid รุ่นล่าสุดของค่ายสามห่วง แทบจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติ มันได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Camry รุ่นที่ 4 ซึ่งมีเส้นสายที่คมคายมากขึ้นทั้งในส่วนของกระจังหน้า ไฟหน้าและไฟท้ายที่เปลี่ยนแปลงไป ในแนวทางที่เน้นเหลี่ยมมุมมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน เริ่มจากกันชนหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมด้วยโลโก้สัญลักษณ์ Toyota สีฟ้า เอกลักษณ์เฉพาะในรุ่น Hybrid ซึ่งยังคงคล้ายกับตัวรถในรุ่นแรก ชายล่างของสปอยเลอร์หน้ามีไฟสปอร์ตไลท์ตัดหมอก กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมโครเมี่ยมใช้พลาสติก ABS โพลิเมอร์ ส่วนไฟหน้า Dual-LED รมดำ มีระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ไฟท้ายใช้หลอดแบบผสม ซึ่งมีทั้งหลอดไฟแบบ LED และหลอดไฟแบบธรรมดา กันชนหลังมีชิ้นงานแผ่นพลาสติกสะท้อนแสงรีเฟลกเตอร์ แอร์โรไดนามิกฟิน ช่วยปรับการไหลของอากาศตามหลักอากาศพลศาสตร์ ที่ผ่านการทดสอบในอุโมงค์ลม ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง Bridgestone รุ่น Turanza ไซส์ 215/55/R17 เป็นยางรถซีดาน ที่ถูกออกแบบให้หน้ายางสามารถลดแรงต้านกับผิวถนนได้ดี แต่ยังคงความยึดเกาะไว้เหมือนเดิม
กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวดีไซน์ใหม่ให้มีขนาดที่กะทัดรัดมากขึ้น เพิ่มมุมมองด้านความปลอดภัยยามต้องเปลี่ยนทิศทางของตัวรถ ด้วยไฟเลี้ยวภายในกรอบกระจกมองข้าง ให้แสงสว่างและมุมมองด้านข้างที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ภายในกรอบมีกระจกแบบ Wide View ใช้เลนส์ที่สามารถให้ภาพมุมกว้าง พร้อมเทคโนโลยีการเคลือบกระจกแบบไฮดรอฟิลิกซ์ ลดการเกาะตัวของหยดน้ำฝนบนกระจก รวมถึงระบบ Reverse Link ที่จะทำงานทันทีที่ผู้ขับใส่เกียร์ถอยหลังหรือเกียร์ R ระบบจะปรับกระจกมองข้างลงด้านล่าง เพื่อช่วยเพิ่มมุมมอง และระยะของการถอยให้ชิดกับฟุตปาทมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังช่วยในการมองเห็นและป้องกันการถอยชนขอบฟุตปาทได้ดี ส่วนสัญลักษณ์ในรุ่น Hybrid บนตัวรถ New Camry มีประทับไว้แทบจะทุกตำแหน่งรอบคันเช่น บริเวณฝากระโปรงท้ายด้านบน / สัญลักษณ์ Toyota สีฟ้าหลังฝากระโปรงท้าย / สัญลักษณ์ Hybrid Synergy Drive หลังฝากระโปรงท้ายในส่วนด้านล่าง
สัดส่วน ด้านข้างและด้านท้ายมีเหลี่ยมมุมมากกว่ารุ่นที่แล้วเล็กน้อย ไฟท้ายทรงใหม่ ภายในใส่หลอดไฟแบบผสม โดยใช้ทั้งหลอด LED และหลอดไฟแบบธรรมดา สีแดง-ขาว พลาสติกไฟท้าย ABS โพลิเมอร์ ฝาท้ายคาดกลางด้วยชิ้นงานพลาสติกโครเมี่ยมเงาวาวเพื่อเพิ่มมุมมอง ใช้รีโหมดควบคุมการเปิดหรือเปิดจากภายในห้องโดยสาร กันชนหลังหรือสปอยเลอร์มีแผ่นสะท้อนแสงรีเฟกเตอร์ ติดอยู่บริเวณชายล่าง ส่วนตำแหน่งของไฟเบรกดวงที่สามยังคงเหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน โดยวางตัวอยู่กึ่งกลางภายในของกระจกบานหลัง ในรุ่นสูงสุดมีกล้องหลังเพื่อเพิ่มเติมมุมมอง ช่วยให้การถอยมีความปลอดภัย และถอยได้ชิดกับวัตถุกีดขวางด้านหลังมากยิ่งขึ้น
ห้องโดยสารของรุ่น Hybrid ใน All New Camry มีความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นปกติบริเวณจอมาตรวัดที่แจ้งเตือนระบบต่างๆ ระหว่างการใช้งานให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบเช่น ระดับของเชื้อเพลิงและโหมดของการขับเคลื่อน ระดับไฟในแบตเตอรี่ การเชื่อมต่อกลไกการขับเคลื่อนแบบผสมผสาน ปริมาณเชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งถึง ฯลฯ เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า เบาะคู่หน้าแบบ Seat Ventilator ฝังพัดลมระบายอากาศใต้เบาะและพนักพิง ช่วยลดกลิ่นอับชื้นพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งการขับหรือ Memory Seat ตำแหน่งของเบาะโดยสารตอนหลังยังสามาถปรับเอนได้อีกเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการนั่งโดยสาร พวงมาลัยแบบสี่ก้านพร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ใหม่ (เหมือนกับรุ่น 2.5G) ควบคุมการทำงานของระบบเสียง จอแสดงข้อมูลรวม ระบบเชื่อมต่อ Hands Free แบบไร้สาย Bluetooth พวงมาลัยยังปรับระดับได้ด้วยไฟฟ้าและระบบบันทึกตำแหน่ง
ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นภาพและเสียงเพลงจากภายนอก USB / AUX / iPod ทำงานเชื่อมต่อกับชุดเครื่องเสียงดีไซน์ใหม่ที่สามารถรองรับแผ่น DVD / MP3 / AM-FM กับระบบนำทางด้วยดาวเทียมโปรแกรมการสั่งงานด้วยภาษาไทยของ Toyota ที่ใช้งานได้ง่ายและไม่สลับซับซ้อนบนจอ LCD ระบบสัมผัสขนาดความกว้าง 7 นิ้ว ระบบนำทาง In-Car Navigator ยังมีฟังก์ชั่นค้นหาสถานที่ตั้งต่างๆ และนำเส้นทาง พร้อมด้วยเมนูที่เข้า-ออกจากโปรแกรมได้ง่ายขึ้น กล้องมองหลังที่เชื่อมต่อกับตำแหน่งเกียร์ถอย แสดงภาพผ่านจอ LCD ลำโพงระดับพรีเมี่ยมของ JBL 10 ตำแหน่ง พร้อมด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 Channel Surrund Sound ระบบปรับอากาศในห้องโดยสาร ใช้แผงควบคุมดีไซน์ใหม่ที่มีรูปแบบเข้ากับคอนโซลกลาง ใช้ระบบ Dual Auto แบบแยกส่วนกระจายความเย็น ควบคุมอุณหภูมิแบบอิสระแยกซ้าย-ขวาได้ตามต้องการ พร้อมช่องแอร์ที่เบาะผู้โดยสารตอนหลัง สำหรับกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว กุญแจระบบ Smart Entry ล็อและปลดล็อกประตูโดยไม่ต้องใช้กุญแจ ระบบ Push Start ทำงานควบคู่ไปกับระบบ Smart Key สตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยปุ่มกด ม่านบังแดดไฟฟ้าที่กระจกบานหลัง เบาะหลังแบบปรับเอนได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
วิศวกร ในแผนกเครื่องยนต์ของค่ายสามห่วง ได้ทำการคิดค้นเครื่องยนต์ที่มีระบบการทำงาน ในด้านอัตราส่วนของกำลังอัดที่เพิ่มขึ้น ตามด้วยแรงม้ากับแรงบิดที่เพิ่มขึ้น แต่มีปริมาตรความจุลดลง ทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงตามไปด้วย เครื่องยนต์ชนิดนี้มีจังหวะการทำงานของกระบอกสูบ ด้วยการออกแบบให้ลูกสูบที่อยู่ในตำแหน่งอัด สามารถเลื่อนจากจุดต่ำสุดของกระบอกสูบ ขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยระยะที่สั้นลงกว่าเดิม การทำงานที่สั้นลงของเครื่องยนต์ จึงสามารถสร้างกำลังจากจังหวะอัด ที่มีความต่อเนื่องไปยังจังหวะระเบิดได้เร็วขึ้น เครื่องยนต์ดังกล่าวเรียกว่า Atkinson Cycle ซึ่งวิศวกรของ Toyota พยายามต่อยอดระบบการทำงานแบบเดิมๆ ของเครื่องยนต์ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการพัฒนาให้ช่วงชักขึ้นของลูกสูบสั้นลง การเพิ่มกลไกระหว่างก้านสูบ กับเพลาข้อเหวี่ยง ผลลัพธ์ที่ได้คือ อัตราส่วนกำลังอัดเพิ่มขึ้นตามมาด้วยตัวแปรในค่าของแรงม้า กับแรงบิดที่สูงขึ้น หลังจากทดสอบจนมั่นใจในระบบการทำงานที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลง ความแข็งแกร่งทนทานของลูกสูบในกระบอกสูบ เทียบเท่าเครื่องยนต์แบบปกติ รวมถึงแรงบิดที่เพิ่มขึ้น ทำให้เครื่องยนต์เบนซินแบบ Atkinson Cycle ถูกวางลงไปในรถยนต์ซีดาน New Camry Hybrid เพื่อทำงานประสานไปกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมุ่งเน้นไปที่การประหยัดเชื้อเพลิงรวมถึงการคายมลพิษที่ลดลง
New Camry Hybrid เป็นรถยนต์ประหยัดพลังงานที่มีส่วนช่วย ในการลดปัญหาเรื่องมลภาวะและปัญหาโลกร้อน โดยเฉพาะการลดปริมาณก๊าซ Co2 ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญและเป็นตัวการที่ทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น นอกจากนั้นวิศวกรของค่ายสามห่วงยังได้คิดค้นระบบ Series Parallel Hybrid System ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดในรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ลูกผสม ระบบดังกล่าว ใช้ทั้งกำลังของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกับพลังงาน จากการหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้กระแสไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่ ทั้งสองระบบจะทำงานประสานกันตลอดเวลา ในระหว่างการใช้งานซึ่งจะช่วยในเรื่องของการประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ ขณะเดียวกันประสิทธิภาพและสมรรถนะยังเหนือกว่ารถยนต์ทั่วไปอีกด้วย เมื่อเริ่มต้นขับเคลื่อนตัวรถ ระบบ Hybrid จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งทำงานด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่โดยตรง ขณะเดียวกันเครื่องยนต์ยังคงไม่ทำงาน เนื่องจากเครื่องยนต์ ไม่สามารถให้แรงบิดในย่านสูงสุดได้จากรอบเครื่องที่ยังคงต่ำอยู่ พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถให้แรงบิดสูงๆ ตั้งแต่เริ่มออกตัว จึงส่งผลดีในเรื่องของความนิ่มนวลและต่อเนื่อง ในการใช้งานภายในเมืองที่ต้องวิ่งๆ หยุดๆ อยู่ตลอดเวลา
ในสภาพการขับขี่แบบปกติโดยใช้ความเร็วคงที่สำหรับการเดินทางไกล เครื่องยนต์ 2AZ- FXE VVT-i ที่มีแรงม้า 160 ตัวกับแรงบิด 231 นิวตันเมตร จะทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 105 กิโลวัตต์ ชุดมอเตอร์ประกอบไปด้วย มอเตอร์ เจเนเรเตอร์ MG1 เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าประจุเข้าสู่แบตเตอรี่ และส่งกระแสไฟดังกล่าวไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อนหรือ MG2 โดยยังทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตให้กับเครื่องยนต์อีกด้วย พลังงานส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้ จะถูกแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อประจุเข้าสู่แบตเตอรี่ ในการหมุนเวียนพลังงานอย่างมีคุณภาพ เมื่อผู้ขับขี่เร่งเครื่องยนต์ในทางที่ลาดชัน หรือกดคันเร่งเพื่อแซงรถช้า พลังงานจากแบตเตอรี่ที่เก็บอยู่ จะถูกส่งไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อช่วยเสริมในส่วนของการขับเคลื่อน ช่วยทำให้ตัวรถมีกำลังที่มากขึ้น จากการทำงานที่พร้อมเพรียงกันของระบบทั้งสอง ในขั้นตอนของการลดความเร็วหรือแม้แต่การเบรก เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน โดยจะเหลือการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปในตัว และทำการเปลี่ยนพลังงานจลน์ที่ได้จากการเบรก หรือจากล้อที่หมุนเวียนไปเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อประจุเข้าสู่แบตเตอรี่อีกครั้ง เมื่อตัวรถหยุดนิ่งในขณะที่จอด เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานทันที โดยเหลือเพียงระบบปรับอากาศที่ยังคงทำงานอยู่ โดยรับเอาพลังงานมาจากแบตเตอรี่
รถ New Camry Hybrid ยังใช้เทคโนโลยี Hybrid Synergy Drive เพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ลดมลพิษจากไอเสีย และช่วยเพิ่มอัตราเร่งให้สูงขึ้น ทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้นเมื่อกดคันเร่งเพื่อแซงรถช้า ในระบบไฟฟ้าจะมียูนิคควบคุมแบบ Power Spllt Drive ซึ่งทำหน้าที่ตัดต่อหรือส่งถ่ายพลังงานไฟฟ้าโดยใช้ตัว Inverter ทำหน้าที่แปลงกระแสไฟจากแบตเตอรี่แบบนิคเคิล เมทัลไฮดรายด์ที่มีแรงดัน 244.8 โวลต์ ผ่านไปยังมอเตอร์ซิงโครนัสและมีแรงดันสูงเพิ่มขึ้นเป็น 650 โวลต์ เพื่อนำพลังงานจากมอเตอร์ ไปใช้ขับเคลื่อนร่วมกันกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร 4 กระบอกสูบ 16 วาล์ว มอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อบวกเข้ากับกำลังของเครื่องยนต์แล้วรถ New Camry Hybrid จะมีกำลังมากถึง 190 แรงม้า มากเกินพอในการใช้งานแบบปกติบนถนนทั่วไป
เครื่องยนต์ ของ All New Toyota Camry Hybrid เป็นเคริื่องยนต์ที่ผสมผสานนวัตกรรมใหม่ของการขับเคลื่อน ที่มีความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี Hybrid ด้วยเครื่องยนต์เบนซินระบบ Atkinson Cycle รหัส 2AR-FXE DOHC ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮตแคมชาร์ป 16 วาว์ล พร้อมด้วยชุดกลไกวาล์วอัจฉริยะ VVT-i ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,491 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุด 160 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบกลไกสายพาน E-CVT Electrically Controlled Continuously Varable Transmission มาตรฐานการปล่อยมลภาวะระดับ EURO-4 ส่วนชุดมอเตอร์ไฟฟ้าหรือ Electric Motor ถูกพัฒนาให้ระบบเกียร์ทดกำลังมีขนาดที่กะทัดรัดมากยิ่งขึ้น มีน้ำหนักเบา รองรับการทำงานของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรที่มีแรงม้ามากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว มอเตอร์ใน New Camry Hybrid เป็นแบบซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร มีแรงดันไฟฟ้าสูงสุดที่ 650 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ และมีแรงบิดสูงสุดที่ 270 นิวตันเมตรที่ 0-1,500 รอบต่อนาที ชุดกักเก็บกระแสไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ Nickel-Metal Hydride เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้ชุดแบตมีน้ำหนักลดลง ทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนาน ชุดแบตมีโมดูล 34 โมดูล 204 เซลส์ ให้แรงดันไฟฟ้า 245 โวลต์ ความจุกระแสไฟฟ้า 6.5 แอมป์ 3 ชั่วโมง ระบบห้ามล้อใช้ดิสเบรกทั้งสี่ล้อ จานหน้ามีช่องระบายความร้อน ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพแก็ซ เหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบดูอัลลิ้งค์สตรัท ระบบบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ทำงานร่วมกับปั๊มเพาว์เวอร์ไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์หน่วงน้ำหนักไปตามความเร็ว โหมดขับขี่อัจฉริยะ Driving Mode Function โหมดการขับขี่แบบประหยัด ECO Mode ระบบจะเลือกใช้กำลังการขับเคลื่อน จากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซิน ให้มีความเหมาะสม โดยคำนึงถึงการประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด โหมดการขับขี่ EV Mode ระบบจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ให้การขับขี่ที่เงียบสนิท (ที่ย่านความเร็วต่ำได้ประมาณ 4-6 กิโลเมตร)
ระบบความปลอดภัยของ New Camry Hybrid
Active Safety
-ระบบ ควบคุมการทรงตัว VSC- Vehicle Stability Control ทำงานร่วมกันกับ EPS-Electronic Power Steering รักษาเสถียรภาพการทรงตัว โดยจะตัดการส่งกำลังหรือลดความเร็วอัตโนมัติขณะตัวรถเสียการทรงตัว เข้าควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกทั้งสี่ล้ออย่างอิสระ เพื่อรักษาสภาพความสมดุล
-ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC-Traction Control ควบคุมและป้องกันการลื่นไถลของล้อเมื่อมีการเหยียบคันเร่งมากเกินไป หรือการออกตัวแบบฉับพลันบนถนนลื่น
-ระบบเสริมแรงดันเบรก BA-Brake Assist เพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติในสภาวะการเบรกแบบฉุกเฉิน
-ระบบกระจายแรงเบรก EBD-Electronic Brake Force Distribution ในทุกสภาพการเบรก ระบบจะปรับแรงดันน้ำมันเบรกทั้งสี่ล้อ ให้มีความเหมาะสมกับสภาวะการกับน้ำหนักที่กดลงในแต่ละล้อ
-ระบบป้องกันล้อล็อก ABS- Anti Lock Braking System สำหรับการเบรกแบบกะทันหันในสภาพผิวถนนที่เปียกลื่น ช่วยให้ผู้ขับสามารถบังคับทิศทางของตัวรถได้ดีขึ้น
-ระบบออกตัวบนทาง ลาดชัน HAC-Hill Start Assist Control ป้องกันรถไหลขณะออกตัวบนทางลาดชัน ด้วยการคำนวณอัตราเร่งที่เหมาะสมและสมดุลกับระดับความชันของเส้นทาง
-เซนเซอร์มุมกันชนสี่ตำแหน่ง เซนเซอร์กะระยะท้ายรถสองจุด (ยกเว้นรุ่น 2.5L HV NAVI)
ระบบความปลอดภัยแบบป้องกัน
Passive Safety
-ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS Airbag
-ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
-ระบบป้องกันการบาดเจ็บที่กระดูกต้นคอ WIL-Whiplash Injury Lessening
-โครงสร้างนิรภัย GOA
สีตัวถัง
-True Blue Mica Metallic (New)
-White Pearl Crystal
-Attitude Black Mica (New)
-Silver Metallic
-Beige Metallic
-Medium Sliver Metallic
-Gray Metallic ทั้งหมดเป็นสีที่มีเฉพาะในรุ่น Hybrid เท่านั้น
ราคา
-2.5L Hybrid Navigator..................1,869,000
-2.5L Hybrid DVD.........................1,699,000
-2.5L Hybrid CD............................1,649,000
ติดตามอ่าน ทดลองขับ ALL NEW CAMRY HYBRID 2012 ได้ในตอนต่อไป
New Camry Hybrid 2.5L Navigator Specifications
แบบ................................................ซีดานสี่ประตู ห้าที่นั่ง
ผู้ผลิต..............................................Toyota Motor Japan
เครื่องยนต์......................................เบนซินสี่สูบแถวเรียง รหัส 2AR-FXE
แบบเครื่องยนต์...............................DOHC 16 วาล์ว VVT-i
ระบบจ่ายเชื้่อเพลิง..........................หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI
ความจุกระบอกสูบ..........................2,494 cc
กระบอกสูบxช่วงชัก.........................90.0 mmx96.0 mm
อัตราส่วนกำลังอัด...........................12.5:1
แรงม้าสูงสุด....................................160 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด...................................213 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที
มอเตอร์ไฟฟ้า..................................ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสูด...........................650 โวลต์
จำนวนโมดูล....................................34 โมดูล 204 เซลส์
ความจุกระแสไฟ..............................6.5 แอมป์ต่อ 3 ชั่วโมง
เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้ารวมการทำงาน.....205 แรงม้า
แบตเตอรี่......................................Nickel-Metal Hydride
แรงดันไฟฟ้า...................................245V
ระบบส่งกำลัง..................................เกียร์อัตโนมัติแบบกลไกสายพาน E-CVT Electrically Controlled Continuously Varable
Transmission
ระบบรองรับ
ด้านหน้า..........................................อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพแก็ซ เหล็กกันโคลง
ด้านหลัง..........................................ดูอัลลิ้งค์สตรัท
ระบบเบรก
ด้านหน้า..........................................จานดิสเบรกแบบมีครีบระบายความร้อน ขนาด 16 นิ้ว
ด้านหลัง..........................................จานดิสเบรกขนาด 16 นิ้ว
ระบบบังคับเลี้ยว.............................พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS
ล้อและยาง......................................อัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง Bridgestone รุ่น Turanza ไซส์ 215/55/R17
มิติตัวถัง
ความกว้าง.......................................1,825 mm
ความยาว.........................................4,825 mm
ความสูง...........................................1,470 mm
ความจุถังเชื้อเพลิง...........................65 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ....................................1,590 กิโลกรัม
ราคา................................................1,869,000 บาท
Arcom Roumsuwan
E-Mail
Facebook
91
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / TOYOTA MOTOR SPORT 2012
เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 08:54:32 AM
เริ่มแล้ว Toyota Motorsport 2012 5 สนามในประเทศ กับอีก 1 สนามที่มาเลเซีย สนามแรกที่ราชมังคลากีฬาสถาน 19 - 20 พฤษภาคม นี้...
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท Toyota Motor Thailand co,ltd. แถลงข่าวการจัดกิจกรรม “ Toyota Motor Sport 2012” ร่วมกับ นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย นายสุเมธ สุวรรณพรหม คณะกรรมการกีฬายานยนต์ ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายสนธยา คุณปลื้ม ประธานจัดการแข่งขันรายการบางแสน ไทยแลนด์สปีดเฟสติวัล เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2555 ที่ห้องรอยัลมณียาบอลรูม โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ
บริษัท Toyota Motor Thailand co,ltd. บุกเบิกวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 โดยเริ่มจากการสนับสนุนทีมแข่งในนาม Toyota team Thailand (ซึ่งในปัจจุบันนักแข่งในทีมส่วนใหญ่ ล้วนเป็นนักแข่งที่ก้าวขึ้นมาจากรายการ Toyota Motor Sport) ต่อมาจึงได้เริ่มจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ One Make Race ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากจำนวนผู้เข้าชมที่แน่นขนัดทุกสนาม จากนั้นในปี พ.ศ.2548 โตโยต้าได้นำการแข่งขันไปจัดยังจังหวัดต่างๆ ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้ติดตามชมการแข่งขันอย่างใกล้ชิด
นอกจากจัดการแข่งขันและสนับสนุนทีมแข่ง โตโยต้ายังได้จัดตั้งโครงการ Toyota Racing School ขึ้น ในปี พ.ศ.2551 เพื่อให้ผู้ที่สนใจและนักแข่งหน้าใหม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎ กติกา มารยาทในการแข่งขัน ตลอดจนเทคนิคการขับขี่ทั้งสำหรับการแข่งขันและในชีวิตประจำวัน ทั้งยังเป็นการเฟ้นหานักแข่งดาวรุ่ง เพื่อมาเป็นนักแข่งในทีม Toyota Racing School Team ที่โตโยต้าเป็นผู้ให้การสนับสนุน สำหรับลงแข่งขันรายการ Vios One Make Race และล่าสุดในปี พ.ศ. 2553 โตโยต้าได้นำการแข่งขัน Toyota Motor Sport เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Japan Super GT รายการแข่งขันระดับทวีปที่สนามเซปัง เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ทั้งหมดนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนา เพื่อยกระดับให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศอย่างแท้จริง
TOYOTA MOTOR SPORT 2012
1. จัดการแข่งขันรถยนต์ 3 รายการ เพื่อสร้างการเริ่มต้นให้กับนักแข่งหน้าใหม่
*Vios One Make Race Lady Cup สำหรับนักแข่งสุภาพสตรี ที่ชื่นชอบกีฬามอเตอร์สปอร์
*Vios One Make Race สำหรับนักแข่งมือใหม่
*Yaris One Make Race สำหรับนักแข่งที่มีประสบการณ์ ซึ่งแชมป์และรองแชมป์ประจำปีจะได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน Netz Cup ที่ประเทศญี่ปุ่น และแชมป์ประจำปีจะได้เข้าร่วมกับ Toyota team Thailand ทีมแข่งระดับอาชีพ สำหรับการแข่งขันในฤดูกาลต่อไป
2. สนับสนุนนักแข่ง เพื่อให้นักแข่งดาวรุ่ง ได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่การแข่งขัน Toyota Racing School Team
*รุ่น Vios One Make Race Lady Cup - “เอ้” อภิชญา พลเยี่ยม - “โบนัส” สมหทัย เหรียญทอง
*รุ่น Vios One Make Race วีออส วันเมคเรซ - “โอม” ชยพล โยธา
*รุ่น Yaris One Make Race - “เอ็กซ์” สุพล ขำต้นวงษ์ Toyota Racing Star Team
*รุ่น Vios One Make Race Lady Cup - “แอริน” สิริภรณ์ ยุกตะทัต - “นาตาลี เดวิส”
*รุ่น Vios One Make Race - “ต๊ะ” วริษฐ์ ทิพโกมุท
*รุ่น Yaris One Make Race - “ไผ่” พาทิศ พิสิฐกุล
3. สนับสนุนทีมแข่ง สนับสนุน Toyota team Thailand เข้าร่วมแข่งขันรายการ Super Car Thailand โดยนักแข่งในทีมส่วนใหญ่ได้ก้าวขึ้นมาจากรายการ Toyota Motor Sport ผู้ดูแลทีมแข่ง สุทธิพงษ์ สมิตชาติ
*รุ่น Super 1500 Chen Jeng Hong (แชมป์ Yaris One Make Race ปี 2011)
*รุ่น Super 2000 พิษณุ ศิริมงคลเกษม (แชมป์ Yaris One Make Race ปี 2009) และ มานัต กุละปาลานนท์ (แชมป์ Yaris One Make Race ปี 2006)
*รุ่น Super Carณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ และ ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ
4. สนับสนุนการจัดแข่งขัน “ทรูวิชั่น-โตโยต้า จูเนียร์ โกคาร์ท เทรนนิ่ง” และ “ทรูวิชั่น- โตโยต้า จูเนียร์ โกคาร์ท แชมเปี้ยนชิพ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 เพื่อสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับนักแข่ง ตั้งแต่ระดับเยาวชนและส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
สัมผัสความตื่นเต้น สนุกสนาน กับ Toyota Motor Sport ทั้ง 6 สนาม
สนามที่ 1 19 - 20 พฤษภาคม ราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพมหานคร
สนามที่ 2 9 - 10 มิถุนายน เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต มาเลเซีย
สนามที่ 3 21 - 22 กรกฎาคม บริเวณสวนสาธารณะสะพานหิน จ.ภูเก็ต
สนามที่ 4 1 – 2 กันยายน สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา
สนามที่ 5 20 - 21 ตุลาคม สนามกีฬาสมโภชน์เชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่
สนามที่ 6 14 - 16 ธันวาคม ในงานบางแสนไทยแลนด์สปีดเฟสติวัล ริมหาดบางแสน จ.ชลบุรี
สำหรับ กิจกรรม Toyota Motor Sport ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ Toyota ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 50 ปี จึงได้เตรียมกิจกรรมพิเศษ เพื่อสร้างความสุข สนุกสนานให้กับทุกคนในครอบครัว อาทิ การขับแสดงสมรรถนะของรถยนต์ Toyota หลากหลายรุ่น รวมถึงการนำรถยนต์Toyota GT-86 รถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นใหม่ล่าสุด มาดริฟท์โชว์ให้ผู้ชมรอบสนามได้เห็นถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยม นอกจากนี้ ยังจัดการแข่งขันรอบพิเศษ The Legend Show ที่นำ Toyota Star Team ทีมรุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบันมาแข่งขัน นำโดย เจ-เจตริน วรรธนะสิน / พีท ทองเจือ / อั๋น-ศิรคุปต์ เมทะนี / อ่ำ-อัมรินทร์ นิติพล / เรย์ แมคโดนัลด์ / กระแต-ศุภักษร ไชยมงคล และ Toyota Star Team รุ่นปัจจุบัน ทั้งนี้ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่ Toyota มุ่งส่งเสริมมาโดยตลอด คือ กิจกรรมขับขี่ปลอดภัย ภายใต้โครงการถนนสีขาวเพื่อ ปลูกจิตสำนึกการขับขี่และการใช้รถใช้ถนนที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน ตลอดจนบุคคลทั่วไป
รายละเอียด TOYOTA MOTOR SPORT 2012
YARIS ONE MAKE RACE
สัมผัส ความมันส์จากสมรรถนะอันร้อนแรง ของสปอร์ต แฮทช์แบ็คยอดนิยม พิสูจน์ความแรงและทนทาน ของเครื่องยนต์ VVT-i เป็นรายการแข่งขันรถยนต์ ที่ยังคงความมันส์ และน่าติดตาม
รถแข่งที่ใช้ในการแข่งขัน : Toyota Yaris แฮทช์แบ็ค 5 ประตู (NCP 91)
เครื่องยนต์ 1 NZ-FE 1496 ซีซี 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i 109 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดา 5 สปีด
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้า - แม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลัง - ETA Beam
ระบบเบรก ด้านหน้า - ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน
ด้านหลัง - ดรัมเบรก
ล้อและยาง ล้ออัลลอย พร้อมยางเรเดียล ขนาด 195/50R15
รางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขัน ประจำสนาม : รวมมูลค่าสนามละ 65,000 บาท
ชนะเลิศ 30,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 1 20,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 2 15,000 บาท
รางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขัน ประจำปี : รวมมูลค่ารางวัลทั้งสิ้น 320,000 บาท
ชนะเลิศ 150,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 1 100,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 2 70,000 บาท
VIOS ONE MAKE RACE
รายการ แข่งขันรถยนต์ทางเรียบสำหรับนักแข่งหน้าใหม่ในรุ่น วีออส คลาสซี และสำหรับนักแข่งหญิงในรุ่น วีออส เลดี้ พร้อมพิสูจน์สมรรถนะ อันยอดเยี่ยม แข็งแกร่ง ทนทาน ของรถสปอร์ตซีดานยอดนิยม
รถแข่งที่ใช้ในการแข่งขัน : โตโยต้า วีออส 4 ประตูซีดาน (NCP 93)
เครื่องยนต์ 1 NZ-FE 1496 ซีซี 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i 109 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ระบบช่วงล่าง ด้านหน้า - แม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลัง - ETA Beam
ระบบเบรค ด้านหน้า - ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน
ด้านหลัง – ดรัมเบรก
ล้อและยาง ล้ออัลลอย พร้อมยางเรเดียล ขนาด 195/50R15
รางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขัน ประจำสนาม : รวมมูลค่าสนามละ 80,000 บาท
ชนะเลิศ 30,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 1 20,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 2 15,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 3 10,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 4 5,000 บาท
รางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขัน ประจำปี : รวมมูลค่ารางวัลทั้งสิ้น 400,000 บาท
ชนะเลิศ 150,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 1 100,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 2 70,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 3 50,000 บาท
รองชนะเลิศอันดับ 4 30,000 บาท
Toyota Racing School Team
Toyota Racing School Team จัดตั้งขึ้น เพื่อสร้างทักษะพื้นฐานการขับขี่ที่ถูกต้อง และปลอดภัย เรียนรู้กฎ กติกา มารยาทในสนามแข่ง ให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจในกีฬามอเตอร์ ตลอดจนนักแข่งมือใหม่ พร้อมถ่ายทอดเทคนิคการขับขี่โดยนักแข่งระดับมืออาชีพของทีมโตโยต้า โดยหลักสูตรการอบรมนั้น ผ่านการรับรองจากราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งประสบความสำเร็จมีผู้เข้าร่วมการอบรมมากมาย และเพื่อเป็นการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศ พร้อมสร้างนักแข่งหน้าใหม่เข้าสู่วงการตามนโยบายของ Toyota จึงได้ทำการคัดเลือกนิสิต นักศึกษา ที่ผ่านการอบรมจากโครงการ Toyota Racing School เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน Toyota Motor Sport ในนามของ Toyota Racing School Team
รุ่น วีออส วันเมคเรซ เลดี้คัพ
“เอ้” อภิชญา พลเยี่ยม
อายุ 23 ปี
การศึกษา กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
“โบนัส” สมหทัย เหรียญทอง
อายุ 23 ปี
การศึกษา กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
++ รุ่น วีออส วันเมคเรซ
“โอม” ชยพล โยธา
อายุ 24 ปี
การศึกษา กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
รุ่น ยาริส วันเมคเรซ
“เอ็กซ์” สุพล ขำต้นวงษ์
อายุ 21 ปี
การศึกษา กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า
รายละเอียด Toyota team Thailand
เข้าร่วมแข่งขันรายการ SUPER CAR THAILAND CHAMPIONSHIP 2012
หนึ่ง ในรายการสำคัญ ของการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ระเทศไทย รวบรวม สุดยอดนักแข่งระดับมืออาชีพ สัมผัสความมันส์เต็มรูปแบบ กับ 3 รุ่นการแข่งขัน “ซุปเปอร์คาร์” “ซุปเปอร์ 2000” และ “ซุปเปอร์ 1500”
รถแข่งที่ใช้ในการแข่งขัน รุ่นซุปเปอร์คาร์ : TOYOTA GT-86
เครื่องยนต์ 2UR 5000 ซีซี 8 สูบ DOHC 32 วาล์ว
แรงม้า 620 แรงม้า ที่ 7000 รอบต่อนาที
แรงบิด 69 กก./ม. ที่ 5500 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์ซีเควนเชียล 7 สปีด
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้า - ดับเบิ้ลวิชโบน
ด้านหลัง - ดับเบิลวิชโบน
ระบบเบรก ด้านหน้า - ดิสก์เบรกขนาด 15 นิ้ว
ด้านหลัง – ดิสก์เบรกขนาด 14 นิ้ว
คาลิเปอร์เบรก ด้านหน้า – Brembo 8 Pots
ด้านหลัง – Brembo 4 Pots
ล้อ Alumi wheel 10J x 18 นิ้ว ทั้ง 4 ล้อ
ยาง ด้านหน้า – โยโกฮาม่า ขนาด 280-650/18
ด้านหลัง โยโกฮาม่า ขนาด 280-710/18
มิติตัวรถ(กว้าง/ยาว/สูง) มม. 1800 / 4530 / 1200
รถแข่งที่ใช้ในการแข่งขัน รุ่นซุปเปอร์ 2000 : โคโรลล่า อัลติส 4 ประตู ซีดาน (ZZE 142R)++
เครื่องยนต์ 3S-GE 1997 ซีซี 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
แรงม้า 270 แรงม้า ที่ 8200 รอบต่อนาที
แรงบิด 24 กก./ม. ที่ 6300 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดาเดินหน้า 5 สปีดของ TRD
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้า – ซุปเปอร์สตรัท
ด้านหลัง - ดับเบิลวิชโบน
ระบบเบรก ด้านหน้า - ดิสก์เบรกขนาด 14 นิ้ว
ด้านหลัง – ดิสก์เบรกขนาด 11 นิ้ว
คาลิเปอร์เบรก ด้านหน้า – 4 Pots
ด้านหลัง – 2 Pots
ล้อ อัลลอย 17 x 7 นิ้ว ทั้ง 4 ล้อ
ยาง ขนาด 215/50/17 ทั้ง 4 ล้อ
รถแข่งที่ใช้ในการแข่งขัน รุ่นซุปเปอร์ 1500 : โตโยต้า ยาริส แฮทช์แบ็ค 5 ประตู (NCP 91)
เครื่องยนต์ 1 NZ-FE 1496 ซีซี 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i
แรงม้า 152 แรงม้า ที่ 6700 รอบต่อนาที
แรงบิด -
ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดาเดินหน้า 5 สปีดของ TRD
ระบบช่วงล่าง
ด้านหน้า - แม็คเฟอร์สันสตรัท
ด้านหลัง - ETA Beam
ระบบเบรก
ด้านหน้า - ดิสก์เบรกขนาด 12 นิ้ว
ด้านหลัง – ดิสก์เบรกขนาด 10 นิ้ว
คาลิเปอร์เบรก
ด้านหน้า – 4 Pots
ด้านหลัง – 2 Pots
ล้อ อัลลอย 15 นิ้ว ทั้ง 4 ล้อ
ยาง ขนาด 205/50/15 ทั้ง 4 ล้อ
นักแข่ง Toyota team Thailand
รุ่น Super Car
“วัว” - ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ
เกียรติประวัติ
ปี 1989-90 แชมป์ซุปเปอร์ไบค์ รายการมาเก๊ากรังด์ปรีซ์
ปี 1995-99 เข้าร่วมการแข่งขันรายการเซาท์อีสท์ เอเชียทัวร์ริ่งคาร์
ปี 1999-01 ชนะเลิศรายการไทยแลนด์ทัวริ่งคาร์ 2000 cc
ปี 2002 รองชนะเลิศอันดับ 1 รายการไทยแลนด์ทัวริ่งคาร์ 2000 cc
ปี 2003 ชนะเลิศรายการไทยแลนด์ทัวริ่งคาร์ 2000 cc
ปี 2004-05 ชนะเลิศรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Radial A สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์"
ปี 2006-07 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Slick สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์"
ปี 2008 รองชนะเลิศอันดับ 2 รายการ Super Car Thailand รุ่น Super Car สังกัด "โตโยต้า ทีมอาร์โต้"
ปี 2009 รองชนะเลิศอันดับ 1 รายการ Super Car Thailand รุ่น Super Car สังกัด "โตโยต้า ทีมอาร์โต้"
ปี 2010 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Car สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์ บาย อาร์โต้"
ปี 2011 แชมป์ประเภทบุคคลรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Car สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์"
“แมน” - ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ
เกียรติประวัติ
ปี 1990-94 เริ่มเข้าสู่วงการกับ การแข่งขันรถโกคาร์ท
ปี 1995-96 เข้าร่วมการแข่งขันรถโกคาร์ทรายการ สิงห์ ออลไทยแลนด์
ปี 1997-98 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ เอเชียน ฟอร์มูล่า 2000
ปี 1999 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ เอเชียน ฟอร์มูล่า แชมเปี้ยนชิพ
ปี 2000 รองชนะเลิศอันดับ 1 รายการ Super Car สังกัดทีม "Prodrive"
ปี 2001-02 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Super Car สังกัดทีม "Prodrive"
ปี 2003 รองชนะเลิศอันดับ 4 รายการ Formula BMW
ปี 2004 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ เอเชียน ฟอร์มูล่า
ปี 2005-06 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Formula BMW
ปี 2007 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Car สังกัด "โตโยต้า ทีมอาร์โต้"
ปี 2008 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Car N.A. สังกัด "โตโยต้า ทีมอาร์โต้"
ปี 2009 เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Car สังกัด "โตโยต้า ทีมอาร์โต้"
ปี 2010 รองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทบุคคลรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Car สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์ บาย อาร์โต้"
ปี 2011 รองชนะเลิศอันดับ 4 ประเภทบุคคลรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Car สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์"
รุ่น Super 2000
“ต้น” - มานัต กุละปาลานนท์”
เกียรติประวัติ
ปี 2004 รองชนะเลิศอันดับ 3 รายการ Vios One Make Race Class Cได้สิทธิ์เลื่อนขึ้นไปแข่งใน Class B
ปี 2005 เข้าร่วมการแข่งขัน Vios One Make Race Class B ชนะเลิศรายการ RallyCross รุ่นล้อหน้าopen มือใหม่ ได้สิทธิ์เลื่อนขึ้นไปแข่งในรายการ Yaris One Make Race
ปี 2006 ชนะเลิศรายการ Yaris One Make Race ได้สิทธิ์ไปแข่งรายการ Vitz Race ที่สนาม Fuji Speedway ประเทศญี่ปุ่น
ปี 2007 ชนะเลิศรายการ Super Car Thailand รุ่น Super Radial B สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์"
ปี 2008 ชนะเลิศรายการ Super Car Thailand รุ่น Super 2000 AM สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์"
ปี 2009 ชนะเลิศรายการ Super Car Thailand รุ่น Super 2000 สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์"
ปี 2010 เข้าร่วมแข่งขันรายการ Super Car Thailand รุ่น Super 2000 สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์ บาย อาร์โต้"
ปี 2011 รองชนะเลิศอันดับ 2 รายการ Super Car Thailand รุ่น Super 2000 สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์"
พิษณุ ศิริมงคลเกษม
เกียรติประวัติ
ปี 2007 เข้าร่วมแข่งขันรายการ Vios One Make Race
ปี 2008 ชนะเลิศรายการ Vios One Make Race ได้สิทธิ์เลื่อนขึ้นไปแข่งในรายการ Yaris One Make Race
ปี 2009 ชนะเลิศรายการ Yaris One Make Race
ปี 2010 เข้าร่วมแข่งขันรายการ Super Car Thailand รุ่น Super 1500 สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์ บาย อาร์โต้"
ปี 2011 รองชนะเลิศอันดับ 4 รายการ Super Car Thailand รุ่น Super 2000 สังกัด "โตโยต้า ทีมไทยแลนด์" รุ่น Super 1500
Chen Jeng Hong
เกียรติประวัติ
ปี 2009 ชนะเลิศรายการ VIOS One Make Race
ปี 2010 รองชนะเลิศอันดับ 1 รายการ Yaris One Make Race
ปี 2011 แชมป์รายการ Yaris One Make Race
Arcom roumsuwan
E-Mail
Facebook
92
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถ / เจาะประเด็น แก๊งปลอมทะเบียนรถ 30 เม.ย.55
เมื่อ: เมษายน 30, 2012, 09:53:47 PM
เจาะประเด็น แก๊งปลอมทะเบียนรถ 30 เม.ย.55 เจาะประเด็นวันที่ 30 เมษายน 2555 ได้รับการร้องเรียนจาก คุณรัตนา ชูจันทร์ถึงเหตุไม่ชอบมาพากล ว่าอยู่ดีๆ รถเก๋งคู่ใจที่เธอใช้มานานถึง 7 ปี ก็เกิดมีรถคู่แฝดโผล่ขึ้นมา ซึ่งเหมือนกันทั้งยี่ห้อ สี ไปจนถึงหมวดอักษร และเลขทะเบียน แม้กระทั่งสมุดทะเบียนรถ ก็ยังระบุชื่อ และที่อยู่ของสามีเธอได้อย่างถูกต้อง เธอสงสัยว่า รถคันนี้มีการสวมทะเบียนปลอม และน่าจะต้องทำกันเป็นขบวนการ
จากการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า รถทั้ง 2 คันนี้ คล้ายกัน เป็นรถเก๋งโตโยต้า วีออส ของคุณรัตนาเป็นรุ่น E ส่วนของคุณวิทูรย์เป็นรุ่น S ภายนอกตกแต่งด้วยสเกิร์ตรอบคัน แต่ของคุณรัตนาไม่ได้ตกแต่งใดๆ นอกจากนี้ยังพบว่า ทั้ง 2 คันแขวนยันต์ของหลวงพ่อโสธรเหมือนกันอีกด้วย
คุณวิฑูรย์เจ้าของรถอีกคัน ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ต้องหา ปลอมแปลงและใช้เอกสารทางราชการปลอม ซึ่งเค้ายืนยันว่า ตัวเองไม่รู้มาก่อนว่า รถคันที่ซื้อต่อมาจากเพื่อนจะเป็นรถเถื่อน ที่สวมทะเบียนปลอม
ตำรวจนครนายก เจ้าของคดีนี้ นำเล่มทะเบียนรถของคุณวิทูรย์ไปให้กรมการขนส่งตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องและที่มาของรถ ซึ่งพบว่า เป็นเล่มที่ปลอมขึ้นมา โดยเอาข้อมูลของเจ้าของเดิมมาสวม แล้วพิมพ์ว่า "แทนเดิมชำรุด"
เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งแนะนำ หากคิดจะซื้อรถมือสองต้องตรวจสอบข้อมูลของเจ้าของเดิมให้แน่ชัด หากราคาถูกเกินไปต้องตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่าอาจเป็นรถผิดกฏหมาย และให้ดูเลขตัวถังและเครื่องยนต์ว่าตรงกับเอกสารเล่นทะเบียนหรือไม่ สุดท้ายก็ให้มาโอนกรรมสิทธิ์กันที่ขนส่ง
ที่มา :
http://www.bugaboo.tv
93
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / ตลาดรถยนต์มี.ค.ขาย 110,928 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% Q1ขาย 2.7 คัน
เมื่อ: เมษายน 24, 2012, 07:34:14 PM
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนมีนาคม 2555 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 110,928คัน เพิ่มขึ้น 19.3% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 40,305 คัน ลดลง 3.3% รถเพื่อการพาณิชย์ 70,168 คัน เพิ่มขึ้น 36.7% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 61,737คัน เพิ่มขึ้น 40.0% ประเด็นสำคัญ 1.) ตลาดรถยนต์เดือนมีนาคม มีปริมาณการขาย 110,928 คัน เป็นยอดขายต่อเดือนที่สูงสุดของสถิติยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยและเป็นครั้ง แรกที่ตลาดรถยนต์มียอดขายต่อเดือนมากกว่า 100,000 คัน ด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 19.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่แนะนำในช่วงที่ผ่าน มา ประกอบกับการเร่งกำลังการผลิตของค่ายรถยนต์ต่างๆทำให้สามารถส่งมอบรถยนต์ให้ กับลูกค้าได้มากขึ้น โดยตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 70,168 คัน เพิ่มขึ้น 36.7% ส่วนตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 40,305 คัน ลดลง 3.3% อันเป็นผลมาจากผู้ผลิตรถยนต์ยังไม่สามารถผลิตได้เต็มกำลังการผลิตหลังจากได้ รับผลกระทบจากอุทุกภัย 2.) ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรก มีปริมาณการขาย 279,272 คัน สูงสุดเป็นสถิติใหม่ของยอดขายในไตรมาสแรกด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 17.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ดีจากเงินทุนไหลเข้า ประกอบกับความต้องการของตลาดที่มีอยู่สูงและความนิยมอย่างต่อเนื่องในรถยนต์ รุ่นใหม่ โดยตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 33.5% แต่ทั้งนี้ตลาดรถยนต์นั่งยังมีอัตราการเติบโตลดลง 4.6% เนื่องจากกำลังการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์เพิ่งเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ 3.) ตลาดรถยนต์ในเดือน เมษายน เติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงงานมอเตอร์โชว์ ประกอบกับการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด กำลังการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติซึ่งสามารถ เพิ่มการส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าค้างจองได้มากขึ้น ตลอดจนนโยบายรถยนต์คันแรกของภาครัฐ ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดรถยนต์ ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนมีนาคม 2555 1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 110,928 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% อันดับที่ 1 โตโยต้า 45,604 คัน เพิ่มขึ้น 26.2% ส่วนแบ่งตลาด 41.1% อันดับที่ 2 อีซูซุ 20,590 คัน เพิ่มขึ้น 28.5% ส่วนแบ่งตลาด 18.6% อันดับที่ 3 นิสสัน 12,698 คัน เพิ่มขึ้น 24.5% ส่วนแบ่งตลาด 11.4% 2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 40,305 คัน ลดลง 3.3% อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,865 คัน เพิ่มขึ้น 15.4% ส่วนแบ่งตลาด 49.3% อันดับที่ 2 นิสสัน 9,904 คัน เพิ่มขึ้น 44.7% ส่วนแบ่งตลาด 24.6% อันดับที่ 3 มาสด้า 3,578 คัน เพิ่มขึ้น 41.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.9% 3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 61,737 คัน เพิ่มขึ้น 40.0% อันดับที่ 1 โตโยต้า 23,852 คัน เพิ่มขึ้น 40.4% ส่วนแบ่งตลาด 38.6% อันดับที่ 2 อีซูซุ 18,974 คัน เพิ่มขึ้น 30.6% ส่วนแบ่งตลาด 30.7% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 8,578 คัน เพิ่มขึ้น 50.1% ส่วนแบ่งตลาด 13.9% *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 6,180 คัน โตโยต้า 3,130 คัน- มิตซูบิชิ 2,538 คัน - อีซูซุ 507 คัน - ฟอร์ด 5 คัน 4.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 55,557 คัน เพิ่มขึ้น 39.6% อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,722 คัน เพิ่มขึ้น 37.1% ส่วนแบ่งตลาด 37.3% อันดับที่ 2 อีซูซุ 18,467 คัน เพิ่มขึ้น 32.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.2% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 6,040 คัน เพิ่มขึ้น 50.0% ส่วนแบ่งตลาด 10.9% 5.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 70,168 คัน เพิ่มขึ้น 36.7% อันดับที่ 1 โตโยต้า 25,739 คัน เพิ่มขึ้น 36.0% ส่วนแบ่งตลาด 36.7% อันดับที่ 2 อีซูซุ 20,590 คัน เพิ่มขึ้น 28.5% ส่วนแบ่งตลาด 29.3% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 8,578 คัน เพิ่มขึ้น 50.1% ส่วนแบ่งตลาด 12.2% สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มีนาคม 2555 1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 279,272 คัน เพิ่มขึ้น 17.0% อันดับที่ 1 โตโยต้า 121,189 คัน เพิ่มขึ้น 29.5% ส่วนแบ่งตลาด 43.4% อันดับที่ 2 อีซูซุ 49,764 คัน เพิ่มขึ้น 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 17.8% อันดับที่ 3 นิสสัน 27,392 คัน เพิ่มขึ้น 37.2% ส่วนแบ่งตลาด 9.8% 2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 101,271 คัน ลดลง 4.6% อันดับที่ 1 โตโยต้า 51,211 คัน เพิ่มขึ้น 16.3% ส่วนแบ่งตลาด 50.6% อันดับที่ 2 นิสสัน 21,203 คัน เพิ่มขึ้น 74.1% ส่วนแบ่งตลาด 20.9% อันดับที่ 3 มาสด้า 10,629 คัน เพิ่มขึ้น 47.9% ส่วนแบ่งตลาด 10.5% 3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 155,873 คัน เพิ่มขึ้น 37.4% อันดับที่ 1 โตโยต้า 65,018 คัน เพิ่มขึ้น 47.2% ส่วนแบ่งตลาด 41.7% อันดับที่ 2 อีซูซุ 46,011 คัน เพิ่มขึ้น 19.1% ส่วนแบ่งตลาด 29.5% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 22,999 คัน เพิ่มขึ้น 66.3% ส่วนแบ่งตลาด 14.8% *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 16,383คัน โตโยต้า 8,819 คัน - มิตซูบิชิ 6,529 คัน – อีซูซุ 983 คัน - ฟอร์ด 52 คัน 4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 139,490 คัน เพิ่มขึ้น 35.7% อันดับที่ 1 โตโยต้า 56,199 คัน เพิ่มขึ้น 41.3% ส่วนแบ่งตลาด 40.3% อันดับที่ 2 อีซูซุ 45,028 คัน เพิ่มขึ้น 22.7% ส่วนแบ่งตลาด 32.3% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 16,470 คัน เพิ่มขึ้น 68.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.8% 5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 176,774 คัน เพิ่มขึ้น 33.5% อันดับที่ 1 โตโยต้า 69,978 คัน เพิ่มขึ้น 41.3% ส่วนแบ่งตลาด 39.6% อันดับที่ 2 อีซูซุ 49,764 คัน เพิ่มขึ้น 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 28.2% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 22,999 คัน เพิ่มขึ้น 66.3% ส่วนแบ่งตลาด 13.0% ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
94
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / อัจฉราพร พันธ์พาณิชย์ "โตโยต้า" คือนัมเบอร์วัน
เมื่อ: เมษายน 24, 2012, 07:32:07 PM
ถือ เป็นผู้บริหารเลือดใหม่ไฟแรงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง "สาวป้อ" อัจฉราพร พันธ์พาณิชย์ เลิศประเสริฐภากร ในฐานะรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า ที บี เอ็น จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์โตโยต้า หรือที่คุ้นหูกันในนาม "โตโยต้า บางนา" และบริษัท ที บี เอ็น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่จะเรียกว่าเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดการตั้งโชว์รูมรถยนต์อยู่ในพื้นที่เดียว กับคอมมิวนิตี้มอลล์ก็ได้
ล่าสุด "ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสร่วมพูดคุยกับผู้บริหารสาวคนเก่ง ทั้งแนวคิดและเป้าหมายในใจที่จะขับเคลื่อนให้ "โตโยต้า ที บี เอ็น" ขึ้นแท่นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าอันดับต้น ๆ ของพื้นที่กรุงเทพฯให้ได้
- ที่มาที่ไปกับแบรนด์โตโยต้า
ก่อนที่จะเข้าร่วมธุรกิจกับโตโยต้า "สาวป้อ" ลูกสาวสุดเลิฟของคุณพ่อ "ชาญ เลิศประเสริฐภากร" ยอมรับว่ากว่าจะตกลงปลงใจเป็นดีลเลอร์ของ
โต โยต้านั้น ได้มีการเจรจาและหารือธุรกิจกับรถยนต์หลากหลายแบรนด์ แต่ท้ายที่สุดก็มาจบกับ "โตโยต้า" เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่มีความ "วาไรตี้" ที่สุด คือมีรถยนต์ประเภทต่าง ๆ ให้ทำตลาดมากมาย และเมื่อย้อนกลับไปช่วง 6-7 ปีก่อนจะเห็นว่าโตโยต้าครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 50% ทำให้วันนี้เราอยู่กับโตโยต้ามาโดยตลอด และเราไม่มีแผนที่ไปเป็นดีลเลอร์ยี่ห้ออื่น เราเริ่มต้นกับ "ที บี เอ็น โตโยต้า" เป็นสาขาแรกที่บางนาซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ และสาขาลาดกระบัง ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับศูนย์พาซิโอ (สาขา 1)
นอกจากนี้ เรายังได้แตกไลน์ธุรกิจไปในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนอกจากคอมมิวนิตี้มอลล์แล้ว เรายังมีการทำเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ไว้บริการด้วย สำหรับรถยนต์นั้น "สาวป้อ" เริ่มเข้ามาจับจนปีนี้ขึ้นขวบปีที่ 8 แล้ว ขณะที่อสังหาริมทรัพย์นั้นเริ่มเข้าปีที่ 3 และวันนี้จะบอกว่า แบรนด์โตโยต้าอยู่ในสายเลือดไปแล้วก็ได้
- เริ่มต้นกับศูนย์พาซิโอได้อย่างไร
สำหรับ แนวคิดการทำคอมมิวนิตี้มอลล์อย่างศูนย์ "พาซิโอ" นั้น เริ่มต้นจากก่อนหน้านี้ "สาวป้อ" ทำงานบริษัทเอกชนในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซึ่งขณะนั้นการจะออกมาหาอาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็นเป็นเรื่องที่ลำบาก และไม่มีศูนย์การค้าใด ๆ รองรับ เราเปิดโชว์รูมสาขาลาดกระบังนี้ ลูกค้าที่เอารถมาซ่อมเองระหว่างรอรับรถก็ไม่มีอะไรทำ และการซ่อมแต่ละครั้งจะต้องใช้เวลานาน ดังนั้นจึงเกิดไอเดียว่า ในเมื่อเรามีพื้นที่อยู่แล้ว จึงได้ผุดไอเดียคอมมิวนิตี้มอลล์ขึ้นมา ซึ่งพอมีศูนย์พาซิโอขึ้นมาทุกอย่างก็จบ ลูกค้าที่มาใช้บริการซ่อมรถกับเราก็ไปเดินจับจ่ายในศูนย์ระหว่างรอเวลา หรือลูกค้าที่ตั้งใจจะมาจับจ่ายก็ยังสามารถนำรถเข้ามาตรวจเช็กที่ศูนย์โตโย ต้าได้ ซึ่งถือเป็นการนำธุรกิจทั้ง 2 มาจับคู่กันได้อย่างลงตัว
- แผนการลงทุน
สำหรับ แผนลงทุนของเราในช่วง 2 ปีจากนี้ เราได้เตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนมูลค่าที่ 3,800 ล้านบาท สำหรับการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการยนต์โตโยต้า 2 สาขา และศูนย์คอมมิวนิตี้มอลล์ พาซิโอ 2 สาขา ซึ่งในปีนี้เราตั้งใจขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์คอมมิวนิตี้มอลล์ไปยังย่าน สุขาภิบาล 3 สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์โตโยต้าสาขา 3 ด้วย งบประมาณสำหรับการลงทุนมูลค่า 350 ล้านบาท และศูนย์พาซิโอ สาขา 2 มูลค่า 1,600 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างอยู่ในพื้นที่เดียวกับศูนย์พาซิโอ สาขาที่ 2 ซึ่งจะใช้งบประมาณในการลงทุนทั้งสิ้น 1,500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถก่อสร้างพร้อมเปิดดำเนินการได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 หรือ 4 ของปีนี้
ส่วนปีหน้านั้น เราจะขยายโชว์รูมและศูนย์พาซิโอไปในย่านกาญจนาภิเษก โดยจะสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์โตโยต้า สาขาที่ 4 ด้วยงบฯลงทุนมูลค่า 350 ล้านบาท และศูนย์พาซิโอ สาขา 3 ด้วยงบฯลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าพร้อมเปิดให้บริการได้ราวกลางปี 2556 อย่างแน่นอน
ส่วน ศูนย์จำหน่ายรถยนต์มือสองโตโยต้า ชัวร์ นั้นขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนงานที่จะขยายเพิ่มแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันมีศูนย์โตโยต้า ชัวร์ อยู่ที่ 1 แห่งที่โชว์รูม และศูนย์พาซิโอ ลาดกระบัง
ที่เรามียอดขายเฉลี่ย 1,500 คันต่อปี
- ในส่วนเป้าหมายการขาย
จะ เห็นว่าในช่วง 2 ปีนี้เราจะใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ เรามั่นใจว่าจะทำให้โตโยต้า ที บี เอ็น จะขยับส่วนแบ่งทางการตลาดของผู้จำหน่ายรถยนต์ของโตโยต้าขึ้นมาอยู่ระดับที่ 6,000 คันในปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็ระดับ 10,000 คัน ในปี 2556 อย่างแน่นอน
- สัดส่วนรายได้ระหว่าง 2 ธุรกิจ
อย่างที่รู้กันว่า "รถยนต์" ถือเป็นธุรกิจหลักของเราเริ่มดำเนินมา 7-8 ปีแล้ว ส่วนอสังหาฯเพิ่งเริ่มมาได้แค่ 3 ปีเท่านั้น และการมีโชว์รูมรถยนต์ใหญ่-เล็กไม่ใช่ประเด็นปัญหา เราต้องไปมองกันที่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของยอดขายมากกว่า
- แบ่งเวลาดูธุรกิจ กับงานอดิเรกอย่างไร
ทุก คนรู้กันว่า "สาวป้อ" เป็นนักแข่งรถตัวยง แถมยังมีการจัดรายการเกี่ยวกับการประกอบอาหาร รายการแอบอร่อยกับป้อที่ไอเฮียทีวี แถมยังชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจอีก ผู้บริหารสาวคนนี้จะแบ่งเวลาอย่างไรนั้น สาวป้อมีคำตอบว่า ในช่วงเช้าก็จะเรียนทำอาหารแล้วค่อยมาทำงาน ส่วนเสาร์-อาทิตย์ก็จะไปซ้อมขับรถ
อย่างปีที่ผ่านมา ในบทบาทของนักแข่งรถอาจจะไม่มากนัก แต่จะไปให้น้ำหนักในฐานะนักจัดรายการทำอาหาร และการเรียนหนังสือมากว่า
แต่ ปีนี้ "สาวป้อ" จะเริ่มกลับมาจริงจังกับบทบาทนักแข่งสาวอีกครั้งหนึ่ง หลังจากลงทุนไปซุ่มฝึกปรือฝีมือการขับกับนักแข่งมือหนึ่ง "วัว" ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ ที่เตรียมลงแข่งในรายการซูเปอร์คาร์ และโตโยต้า วันเมคเรซ ในปีนี้ด้วย
สุดท้าย "สาวป้อ" ยังกล่าวย้ำกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า วันนี้ถ้าเราหยุดการพัฒนาอยู่กับที่ คนอื่น ๆ ก็จะแซงเราไปข้างหน้า นั่นยอมหมายความว่าเราถอยหลัง ดังนั้น วันนี้โตโยต้า
ที บี เอ็น จำเป็นต้องพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ
ที่มา : ประชาชาติูธุรกิจ
95
ข่าวสารเกี่ยวกับโตโยต้า / รวมข่าวเกี่ยวกับ โตโยต้า / กำลังผลิตค่ายรถปัญหายังไม่หมด ออร์เดอร์ทะลักลูกค้ารอเงก5เดือน
เมื่อ: เมษายน 24, 2012, 07:24:49 PM
สำรวจกำลังผลิตค่ายรถยนต์ปัญหายังไม่หมด ระบบซัพพลายเชนยังไม่เต็ม 100% ลูกค้าต้องทำใจรอรถหลายเดือน "โตโยต้า" แชมป์นานสุด ฟอร์จูนเนอร์ 5 เดือนเต็ม ผู้บริหารแจงตลาดโตมีลุ้นปรับเป้าขายใหม่ เหตุดีมานด์ทะลักกว่า 1 แสนคัน ด้าน "ฮอนด้า" เดินเครื่องเต็มสูบแจ้งลูกค้ารอรถแค่ 2-3 เดือน "นิสสัน" ชี้กำลังผลิตจะเริ่มคล่องตัวหลังปันนาวาร่าให้ "มิตซูบิชิ" ผลิต 6 หมื่นคัน
"ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจกำลังผลิตค่ายรถยนต์หลังสถานการณ์ทุกฝ่ายกลับสู่ภาวะปกติ แต่ปรากฏว่าระบบการผลิตของทุกค่ายยังไม่เต็ม 100% โดยเฉพาะระบบซัพพลายเชน และโลจิสติกส์ของบรรดาซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วน
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ด้านการผลิต ของค่ายรถยนต์วันนี้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติหลังเหตุการณ์น้ำท่วม ขณะที่ลูกค้ายังไม่ได้ยกเลิกการจองประกอบกับบางคนถึงเวลาต้องเปลี่ยนรถ ทำให้มีแบ็กออร์เดอร์จำนวนมาก สำหรับบางค่ายที่ยังมีรถส่งมอบให้กับลูกค้าเนื่องจากมีสต๊อก แต่โตโยต้าใช้ระบบ "just in time" ดังนั้นกว่าที่จะกระตุ้นกำลังผลิตได้นั้นอาจจะต้องใช้เวลา
ฟอร์จูนเนอร์รอนาน5 เดือน ปัจจุบัน โตโยต้า มีแบ็กออร์เดอร์เฉลี่ยทุกรุ่น 2-3 เดือน ยกเว้นโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ที่ลูกค้าต้องรอนานถึง 5 เดือน ซึ่งบริษัทได้พยายามสื่อสารไปยังลูกค้าผ่านดีลเลอร์ถึงตัวเลขและจำนวนที่แท้จริง โดยเชื่อว่าหลังจากเดือนพฤษภาคม และเมื่อผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ที่บริษัทจำเป็นต้องหยุดผลิตเป็นระยะเวลา 10 วัน เพื่อปรับปรุงเครื่องจักร และประสิทธิภาพการผลิต ทำให้ในเดือนถัดไปโตโยต้าจะกลับมาเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่ และแบ็กออร์เดอร์ที่มี 2-3 เดือนนั้นก็จะลดลงไปด้วย
การส่งมอบรถจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ราวเดือนกรกฎาคม- สิงหาคมอย่างแน่นอน และค่ายรถยนต์อื่น ๆ ก็อยู่ในภาวะไม่ต่างกัน
"เรากลับมาเดินเครื่องผลิตรถยนต์เรียกได้ว่ามากกว่า 100% หรือกว่า 120% ด้วยซ้ำ พร้อมเพิ่มกะการทำงานและโอที รวมทั้งทำงานในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์"
สำหรับตลาดรถยนต์โดยรวมจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยโตโยต้าเชื่อว่าปีนี้จะทำยอดขายได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 450,000 คัน เพราะตลาดรวมมีขนาดใหญ่ขึ้นคาดว่าไม่น้อยกว่า 1 ล้านคัน และโตโยต้าจะมีส่วนแบ่งไม่น้อยกว่า 40% ซึ่งปัจจุบันโตโยต้ามียอดค้างส่งมอบไม่ต่ำกว่า 100,000 คัน เพราะกลุ่มรถที่เราขายส่วนใหญ่อยู่ในโครงการรถคันแรก ทั้ง ยาริส, อัลติส, วีออส รวมทั้งวีโก้"
เช่นเดียวกับนายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัญหากำลังการผลิตที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด ส่งผลให้วันนี้ลูกค้าที่จองรถยนต์นิสสัน มาร์ช อาจจะต้องใช้เวลาในการรอรับรถเฉลี่ย 2 เดือน ซึ่งมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับโชว์รูมว่าได้รับโควตารถมากน้อยแค่ไหน
ส่วนนิสสัน อัลเมร่า ใช้เวลารอ 3-4 เดือน ขณะที่รถรุ่นอื่น ๆ เช่น เทียน่า, นาวาร่า ฯลฯ ใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับสีและรุ่น ทั้งนี้ นิสสันได้พยายามเพิ่มกำลังการผลิต โดยเกลี่ยรถยนต์แต่ละรุ่นให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยในส่วนของโรงงานได้ปรับกระบวนการผลิต หันมาเพิ่มกำลังผลิต ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งทำงานตลอดทั้ง 7 วัน และยังเพิ่มกะเพิ่มโอทีด้วย
"ช่วงสงกรานต์นี้เราอาจจะผลิตได้น้อยลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว โดยปรับกำลังการผลิตในช่วงนี้ให้เหลือ 60-70% เพื่อพักบำรุงรักษาเครื่องจักรต่าง ๆ บางส่วนด้วย และตอนนี้เราก็ย้ายไลน์ผลิตปิกอัพนาวาร่าไปให้โรงงานมิตซูบิชิที่แหลมฉบังผลิตแทนแล้วด้วย"
นายประพัฒน์กล่าวถึงความมั่นใจว่า ปีนี้นิสสันจะบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ที่ตั้งเป้ายอดขายตามปีงบประมาณ เมษายน 2555-มีนาคม 2556 โดยนิสสันจะมียอดขายในระดับ 100,000 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาด 10% โดยในจำนวนนี้จะเป็นอีโคคาร์มาร์ช -อัลเมร่า คิดเป็น 50% ของยอดหรือประมาณ 50,000 คัน
ฮอนด้าขอ 3 เดือนเคลียร์ยอด ขณะที่นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และกรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไป ฮอนด้าจะเดินเครื่องกำลังผลิต ในโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะเต็มกำลังการผลิต คือวันละ 1,000 คัน หรือ 240,000 คันในปีงบประมาณนี้ ส่วนช่วงวันหยุดสงกรานต์ ฮอนด้า จะหยุดผลิตเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
ปัจจุบัน ฮอนด้ามีแบ็กออร์เดอร์ประมาณ 60,000 คัน ยังไม่รวมยอดจองในงานมอเตอร์โชว์กว่า?7,500?คัน และยอดจองทั่วประเทศ ขณะนี้ยอดจองหลัก ๆ กว่า 70% หรือ 40,000 คัน เป็นฮอนด้า ซิตี้ และอีก 20,000 คัน เป็นรถรุ่นต่าง ๆ ของฮอนด้า
นายพิทักษ์กล่าวว่าจากกำลังผลิตเดือนละประมาณ 20,000 คัน บวกกับการทำโอที เชื่อว่าภายในระยะเวลา 3 เดือน น่าจะเคลียร์ยอดจอง 60,000 คันแรกได้ ส่วนยอดจองที่เข้ามาใหม่จะมีระยะเวลาในการรอรับรถที่สั้นลงไปโดยอัตโนมัติ หรือ พูดได้ว่าลูกค้าที่จองรถยนต์ฮอนด้าวันนี้ใช้ระยะเวลาในการรอรับรถ 2-3 เดือนน่าจะได้
นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 310,000 คัน จากปีที่แล้วผลิตที่ 240,000 คัน โดยในจำนวนนี้นับรวมกำลังการผลิตที่จะรับจ้างผลิตนิสสัน นาวาร่า อีก 60,000 คันในปีนี้ ส่วนโรงงานแห่งที่ 3 ผลิตรถอีโคคาร์ปีนี้ 100,000 คัน ดังนั้นลูกค้าที่จองรถยนต์มิตซูบิชิ ทุกรุ่น ยกเว้น อีโคคาร์ มิราจ นั้นจะใช้ระยะเวลาในการรอรับรถ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับสีและรุ่น
มิราจ ทยอยส่งมอบ พ.ค.นี้ ส่วนมิราจ จะเริ่มผลิตและทยอยส่งมอบในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งมิตซูบิชิมีเป้าหมาย มิราจ 30,000 คัน ในปีนี้สำหรับตลาดในประเทศ และอีก 70,000 คัน สำหรับตลาดส่งออก
แหล่งข่าวจากมิตซูบิชิกล่าวเสริมกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กระแสความนิยม และยอดจองรถมิตซูบิชิ มิราจ ทั่วประเทศวันนี้ ถือว่าเกินความคาดหมาย โดยมียอดจองภายในงานมอเตอร์โชว์ 4,081 คัน และมียอดจองทั่วประเทศอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งบริษัทมั่นใจว่ายอดมิราจจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมิตซูบิชิจะมียอดขายปีนี้อยู่ที่ 90,000-100,000 คันได้ไม่ยาก
เช่นเดียวนายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ายังคงมียอดจองรถยนต์สะสมอยู่อีกเป็นจำนวนมาก มาสด้ากำลังปรับยุทธวิธีรับมือกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรถยนต์ปิกอัพโรงงานผลิตนั้นยังไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็ม 100% เนื่องจากปัญหาซัพพลายยังไม่สมบูรณ์ 100% ซึ่งขณะนี้มียอดค้างส่งสูงถึง 10,000 คัน ซึ่งคาดว่าจะทยอยส่งมอบได้ ราวเดือนมิถุนายน ส่วนมาสด้า 2 ส่งมอบได้ประมาณเดือนพฤษภาคม ขณะที่มาสด้า 3 และซีเอ็กซ์ 9 ส่งมอบได้ทันที
นายมาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทประสบปัญหาขาดอีซียูจากซัพพลายเออร์ในญี่ปุ่น ทำให้ลูกค้าต้องรอรถยนต์แคปติวา และครูซ ราว 2-3 เดือน จากที่คาดการณ์และเตรียมการผลิตไว้จำนวนหนึ่ง แต่ด้วยยอดจองที่เข้ามามาก จะต้องมีการปรับการผลิตให้เพิ่มขึ้นจนเกือบเบียดกำลังการผลิตโคโลราโด
"เราจะกำหนดให้ซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนไว้เผื่อประมาณ 20% เพราะรถยนต์ใช้ชิ้นส่วนหลายพันชิ้นก็พยายามแก้ปัญหาให้ซัพพลายเออร์เพิ่มกำลังผลิตป้อนโรงงานมากขึ้น มีการส่งสเปเชียล เอ็นจิเนียร์ ไปช่วยหาวิธีเพิ่มกำลังการผลิตส่วนโรงงาน เราเองก็เพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์เป็น 3 กะในเดือนพฤษภาคมนี้ ทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มราว 30-40% ด้านการส่งมอบนั้นก็มีปัญหาอยู่บ้าง เราต้องปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ โดยนำเข้าจากอินโดนีเซียเข้ามาเพื่อช่วยแก้ปัญหา"
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
96
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / สาวถอดส้นสูงขับรถติดคันเบรกพุ่งตกสระน้ำ
เมื่อ: เมษายน 21, 2012, 06:07:51 AM
สาวถอดส้นสูงขับรถติดคันเบรกพุ่งตกสระน้ำ
สาวถอดส้นสูงขับรถติดคันเบรกพุ่งตกสระน้ำ
อุทาหรณ์สาวสรรพากรโคราชถอดส้นสูงขับรถ พลาดรองเท้าค้างคันเบรกพุ่งตกสระน้ำกลางเมือง เคราะห์ดีไม่ได้รับอันตราย
เมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 20 เม.ย.2555 พ.ต.ท.อนันต์ หูแก้ว สารวัตรเวร สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุมีรถยนต์เก๋งตกลงไปในน้ำที่สระขวัญฝั่งตรงข้ามที่ทำการ ไปรษณีย์นครราชสีมา ติดกับที่ทำการสำนักงานสรรพากร ถ.อัษฎาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถาน
ทั้งนี้ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบบรรดาไทยมุงยืนอยู่ข้างสระขวัญมีความลึก ประมาณ 1 เมตร ในสระน้ำพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีบอนด์เงิน หมายเลขทะเบียน กน 1846 นครราชสีมา กำลังค่อยๆจมน้ำ ภายในรถหน้าต่างด้านคนขับ นางจรรยา ทาเงิน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 หมู่ 4 ต.ขามทะเลสอ อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่สรรพกรนครราชสีมา กำลังปีนออกมานั่งอยู่ริมขอบหน้าต่างรถ พร้อมโบกมือร้องขอความช่วยเหลือ เพราะเกรงว่าระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์จะเกิดลัดวงจร เนื่องจากเนื้อตัวเริ่มเปียกน้ำ ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงเร่งเข้าให้การช่วยเหลือนำตัวออกมาจากรถอย่าง ปลอดภัย
จากการสอบถาม นางจรรยา เล่านาทึระทึกว่า รถที่ขับเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ทุกวันจะขับรถมาจอดบริเวณซอยด้านข้างศูนย์จำหน่วยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัทสงวนวงศ์ ซึ่งไม่ห่างจากที่ทำงานมากนัก เนื่องจากสถานที่สรรพากรฯที่จอดรถไม่เพียงพอ ขับรถมากว่า 1-2 ปีแล้ว ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ แต่วันนี้ขับรถเข้ามาจอดโดยเลี้ยวเพื่อกลับรถสไลด์หันหน้าไปทางสระน้ำ แต่จู่ๆเหยียบเบรคเท่าไหร่ก็ไม่อยู่ และเครื่องก็ยิ่งเร่งแรงจนพุ่งชนแท่งเสาปูนที่กั้นขอบสระแล้วพุ่งทะยานลงสระ น้ำทันที โชคดีกระจกสามารถเปิดออกได้ทำให้ไม่ได้รับอันตราย
นางจรรยา กล่าวต่อว่า ปกติจะไม่ถอดรองเท้าขับรถ แต่วันนี้ถอดรองเท้าทำให้รองเท้าข้างหนึ่งเข้าไปติดค้างไว้บริเวณใต้คันเบรก ทำให้เบรคไม่อยู่ ขณะเหยียบเบรคมี แต่ไม่รู้ว่าทำไมคันเร่งจึงเร่งแรงและพุ่งลงน้ำดังกล่าว ซึ่งขณะที่เกิดเหตุอาจจะตกใจมากอาจจะเผลอไปเหยียบคันเร่ง อย่างไรก็ตามรถไม่มีประกันชั้น 1 มีเพียงประกันควบแบบสามเท่านั้น และยอมเสียค่าซ่อมเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ที่มา : คมชัดลึก
98
คลับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นทุกแบบ / Camry Club โตโยต้า แคมรี่ คลับ : All New Camry / ทดลองขับ ALL NEW TOYOTA CAMRY 2.5G (ตอนที่ 1)
เมื่อ: เมษายน 18, 2012, 08:24:26 PM
ทดสอบการขับขี่รถซีดานขนาดกลางรุ่นใหม่ล่าสุด All New Toyota Camry 2.5G ตอนแรกกับการรีวิว ตัวถัง เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบรองรับ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัย และราคาค่าตัว...
15 มีนาคม 2555 บริษัท Toyota Motor Thailand co,ltd. ทำการเปิดผ้าคลุมรถซีดานขนาดกลางยอดนิยม All New Camry 2012 เพื่อตอบรับกระแสความนิยมในตัวรถ ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพของการขับเคลื่อน ภาพลักษณ์ที่แสดงออกถึงความภูมิฐานหรูหราในมาดของผู้บริหาร โดยปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เพื่อความสดใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนควบคุมให้เหนือขึ้นไปอีกระดับ พร้อมระบบรองรับการขับขี่ใช้งานที่สมบูรณ์แบบ อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารที่เพิ่มเข้ามามากกว่ารุ่นที่แล้ว เพื่อมอบความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ระบบความปลอดภัยขั้นก้าวหน้า ในราคาที่ไม่แตกต่างจากรุ่นที่แล้วมากนัก
Toyota Camry รถซีดานขนาดกลางถูกวางจำหน่ายตามโชว์รูมของ Toyota ในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2525 หลังจากนั้น สมรรถนะของตัวรถที่โดนใจผู้ใช้ ทำให้รถรุ่นนี้ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และได้กลายมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลาง จากดีไซน์ที่ลงตัวและห้องโดยสารที่มอบความสะดวกสบายยามเดินทาง สมรรถนะของการขับขี่อยู่ในระดับที่ดี ตามมาด้วยการครองตำแหน่งรถยนต์นั่งซีดานขนาดกลาง ที่มียอดขายสูงสุดในสหรัฐอเมริกาถึง 14 ปี จากปี พ.ศ. 2540 จวบจนปัจจุบัน สำหรับประเทศไทย รถ Toyota Camry ได้รับการนำเข้ามาจำหน่ายเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2536 โดยใช้การนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย และได้รับความนิยมทันทีหลังจากวางขายได้ไม่นาน ต่อมาค่ายสามห่วงจึงทำการขยายโรงงาน เพื่อทำการประกอบรถยนต์รุ่นนี้ขึ้นภายในประเทศไทย โดยเริ่มจากรถ Camry ในเจเนอเรชั่นที่ 4 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 มาจนถึงรุ่น Camry Hybrid ที่ได้แนะนำเข้าสู่ตลาดรถยนต์เครื่องยนต์ลูกผสมเบนซิน-มอเตอร์ไฟฟ้าในปี พ.ศ. 2552 และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ชาวไทยที่ต้องการยานพาหนะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง โดยมุ่งเน้นในการประหยัดพลังงาน นับจาก Camry คันแรกที่นำเข้าจวบจนถึงทุกวันนี้ ค่าย Toyota สามารถขายรถรุ่นนี้ไปแล้วกว่า 130,000 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์นั่งขนาดกลาง 40% อย่างเต็มภาคภูมิ
All New Camry 2012 คือเจเนอเรชั่นที่ 7 ในโมเดล Camry ของโลกแห่งยนตรกรรม สำหรับประเทศไทยแล้วมันนับเป็นตัวรถรุ่นที่ 5 ซึ่งประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น จากยอดขายหลังจากทำการเปิดผ้าคลุมไปเมื่อช่วงปลายปี 2554 โดยมียอดขายต่อเดือนสูงเกินเป้าหมายที่ฝ่ายการตลาดของ Toyota ในประเทศญี่ปุ่น ได้วางแผนไว้เพื่อไม่ให้กระทบกับยอดจองและการผลิตจากโรงงาน จากความนิยมนี้เอง ทำให้ลูกค้าชาวอาทิตย์อุทัยที่ทำการสั่งจองรถรุ่นนี้ต้องรอ 2-3 เดือนกว่าจะได้รับรถ จากความต้องการของลูกค้าทั่วโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่น Hybrid สามารถพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของตัวรถ การประหยัดเชื้อเพลิงและความสะดวกสบายที่มีให้ ภายใต้ห้องโดยสารที่หรูหรากว้างขวาง ระบบขับเคลื่อนแบบผสม เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบบวกมอเตอร์ไฟฟ้าในรุ่น Hybrid ยังคงมีความก้าวล้ำในด้านของเทคโนโลยี การจัดวางกลไกของชุดมอเตอร์เสริมพลัง การกระจายน้ำหนักที่ดีเยี่ยมจากตำแหน่งการวางของชุดแบตเตอรี่ และประสิทธิภาพในด้านแรงบิด
All New Camry 2012 ใช้ดีไซน์ใหม่หมดจดรอบคันด้วยไฟหน้าแบบ Daul- LED รมดำที่มีมอเตอร์ขนาดเล็กภายในสำหรับปรับระดับความสูง-ต่ำของชุดไฟส่องสว่าง ไฟ HID -High Intensity Discharged ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการให้แสงสว่าง เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ยามค่ำคืน แนวเส้นคมๆ ของชุดไฟหน้า ยังสอดประสานไปกับแนวกระจังหน้าโครเมี่ยมสี่เหลี่ยม พร้อมสัญลักษณ์ 3 ห่วงของ Toyota สปอยเลอร์หน้ามีชิ้นงานพลาสติกสีดำ ออกแบบเป็นชั้นร่อง เพื่อเหนี่ยวนำกระแสลมจากภายนอก เข้าไประบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ไฟตัดหมอกทรงเฉี่ยวหุ้มด้วยงานพลาสติกโครเมี่ยมเงาวาว ชิ้นส่วนของสปอยเลอร์หน้าขนาดใหญ่ ครอบคลุมส่วนหน้าของรถทั้งหมดให้ดูกลมกลืน เป็นการออกแบบที่ปรับภาพลักษณ์ของ All New Camry 2012 แบบใหม่หมดจดและแตกต่างจากรุ่นที่แล้วพอสมควร
ด้านข้างตัวถังเน้นมุมมองของแนวสายตาด้วยเส้นคม ที่ลากจากแนวแก้มข้างไปจนเกือบจรดไฟท้าย กระจกมองข้างปรับตั้งด้วยไฟฟ้าแบบพับเก็บได้ใช้ไฟเลี้ยวติดตั้งไว้ภายใน เพื่อเพิ่มมุมมองด้านความปลอดภัยยามต้องการเปลี่ยนทิศทาง ชายล่างของบานประตูด้านข้างมีชิ้นงานพลาสติกโครเมี่ยมเส้นเล็กๆคาดแปะเอาไว้ เพื่อความเฉียบคมของมุมมอง กรอบกระจกประตูก็ยังคงมีชิ้นงานโลหะสีเงินห่อหุ้ม รวมถึงมือจับที่เปิดประตูที่มีพลาสติกโครเมี่ยมคาดทับเพื่อเน้นบรรยากาศของความหรู All New Camry 2012 รุ่น 2.5 G คันทดสอบ ใส่ล้ออัลลอยลาย 10 ก้านขนาด 17 นิ้ว รัดหุ้มด้วยยางรถซีดานสมรรถนะสูงของ Bridgestone รุ่น Turanza ขนาด 215 /55/R17 ทั้งสี่ล้อ ล้ออัลลอยลายใหม่ยังให้อารมณ์และมุมมองแบบสปอร์ตยามวิ่งใช้งาน ส่วนแนวเสาด้านหน้ามีองศาของความลาดเอียงสอดคล้องกับมิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้น เล็กน้อย ระบบ Aerodynamic Fin บริเวณกรอบกระจกมองข้างยังช่วยปรับการไหลของอากาศตามหลักอากาศพลศาสตร์ ที่ผ่านการทดสอบอย่างหนักในอุโมงค์ลม สร้างกระแสลมหมุนวนด้านข้างของตัวถังเพื่อลดแรงต้านอากาศ พร้อมกับลดการแกว่งตัวภายในชั้นอากาศ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของตัวรถให้มั่นคงเมื่อต้องวิ่งที่ย่านความเร็วสูง
บั้นท้าย มีชุดไฟท้ายใหม่กับแนวโครเมี่ยมคาดกลางเหนือตำแหน่งติดตั้งแผ่นป้ายทะเบียน สปอยเลอร์หลังคลุมทับห่อหุ้มจนถึงแนวไฟท้ายและฝาท้ายที่เน้นรูปทรงเหลี่ยม เพื่อให้เข้ากับไฟท้ายแบบใหม่ ไฟท้ายใช้หลอดไฟแบบผสม ซึ่งมีทั้งหลอด LED และหลอดไฟแบบขั้ว อยู่ในกรอบพลาสติกโพลิเมอร์สีแดง-ขาว สปอยเลอร์หลังมีแผ่นสะท้อนแสงทำจากพลาสติกสีแดง ช่องเซนเซอร์สัญญาณเสียงเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง ตำแหน่งของไฟเบรกดวงที่สาม อยู่บริเวณกึ่งกลางด้านในของกระจกบานหลัง สัดส่วนบั้นท้าย ไฟท้ายที่ลงตัวเชื่อมโยงมุมมองของด้านหลังให้มีความคมคายมากกว่ารุ่นที่แล้วเล็กน้อย
ห้องโดยสารของ All New Camry คือจุดแข็งที่มีไว้สยบรถคู่แข่ง เมื่อรุ่นใหม่ปรากฏโฉม มันจะยิ่งต้องเพิ่มความโดดเด่นให้มากขึ้นไปอีกระดับเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าที่นิยมของหรูหรา คอนโซลกลางออกแบบได้อย่างลงตัว ทำจากโฟมขึ้นรูปห่อหุ้มด้วยวัสดุประเภทหนังสังเคราะห์ คอนโซลขนาดใหญ่ยังช่วยเน้นบรรยากาศของความหรูควบคู่ไปกับตำแหน่งของการจัดวางอุปกรณ์บนแนวทางของค่าย Toyota ที่มักจะดีไซน์ออกมาให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่ เบาะคู่หน้าขนาดใหญ่นั่งสบาย ปรับตั้งตำแหน่งของท่านั่งได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถปรับได้อย่างกว้างขวางครอบคลุมทุกสรีระของผู้โดยสารและคนขับ ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมด้วยปุ่มดันหลังที่สร้างความโอบกระชับยามขับขี่ ห้องโดยสารใช้โทนสีน้ำตาลอ่อนเพื่อสร้างบรรยากาศและแสงสีที่นุ่มนวล รูปแบบ New ERA Sedan สื่อให้เห็นถึงมาตรฐานของงานตกแต่งห้องโดยสารยุคใหม่ใน All New Camry 2.5G ที่ลงตัว
พวงมาลัยทรงสี่ก้าน รูปลักษณ์ใหม่ ปรับระดับความสูง-ต่ำได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ (เฉพาะในรุ่น 2.5L HV Navigator) มีสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นมาให้ใช้งานควบคุมเครื่องเสียงกับโทรศัพท์บลูทูธ วงพวงมาลัยห่อหุ้มด้วยหนังแท้สีดำ ออกแบบให้มีขนาดใหญ่เพืิ่อการควบคุมทิศทางที่แม่นยำ ส่วนหน้าปัดมาตรวัดของ All New Camry 2.5G เป็นมาตรวัดแบบเรืองแสง Optitron ให้แสงสีขาวโดยวางรูปแบบมาตรวัดความเร็วอยู่ตรงกลาง ซ้อนทับด้วยมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ที่ด้านซ้ายและระดับเชื้อเพลิงรวมถึงการ ใช้พลังงานในช่องด้านขวา ตรงกลางหน้าปัดทั้งสามยังวางจอแสดงผล MID - Multi Information Display ขนาดเล็กอีกสามจอ คอยแจ้งเตือนถึงข้อมูลสำคัญเมื่อขับขี่ใช้งานเช่น ระยะทางต่อน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง อุณหภูมิภายนอก ความเร็วเฉลี่ย ระยะเวลาของการขับขี่ ทริปมิเตอร์บอกระยะทางของการขับ
คอนโซลกลางมีช่องแอร์ทรงเหลี่ยมอยู่ด้านบนสุดพร้อมนาฬิกาบอกเวลาระบบตัวเลข ต่ำลงมาเป็นจอมัลติฟังก์ชั่นระบบสัมผัสหรือจอ แบบ Touch-Screen ที่สั่งงานได้ด้วยการแตะเบาๆ บริเวณหน้าจอตามโหมดควบคุมที่ปรากฏในรูปแบบ สัญลักษณ์ พร้อมด้วยเครื่องเล่น CD / DVD / MP3/ วิทยุ AM/FM ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอก AUX-USB รองรับเครื่องเล่น MP3 และระบบนำทางด้วยดาวเทียมรองรับภาษาไทยที่ใช้งานได้อย่างง่ายดายไม่สลับ ซับซ้อน ระบบปรับอากาศดิจิตอลแบบแยกส่วนกระจายความเย็นหน้า-หลัง ใช้ปุ่มปรับโหมดที่คอนโทรลพวกพัดลม ปุ่มปรับอุณหภูมิเพื่อเพิ่มหรือลดระดับความเย็นกับสวิตช์ไฟฉุกเฉินบริเวณ ใจกลาง ถัดลงมาเป็นช่องเก็บของกระจุกกระจิก กล่องที่จุดบุหรี่ ซุ้มเกียร์ออโต้ทรงสวยหรูหราเทียบเคียงรถยุโรปได้อย่างสบาย ซุ้มเกียร์ออโต้ของ All New Camry 2012 รุ่น 2.5G ออกแบบให้เป็นร่องหยักเพื่อป้องกันการผิดพลาดยามสับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ลายไม้ภายในที่ทำจากวัสดุพวกพลาสติกดูไม่ค่อยเข้ากับระดับความหรูหราของห้องโดยสารเท่าใดนัก ช่องเก็บของบริเวณแผงประตู มีที่วางแก้วน้ำมาให้ครบครัน ส่วนพื้นที่เบาะหลังยังคงกว้างขวางเหมือนเดิม เบาะหลังมีที่พักแขนแบบพับเก็บได้พร้อมที่วางแก้วน้ำกับช่องเปิดเพื่อเชื่อมต่อกับห้องเก็บสัมภาระบริเวณฝาท้าย วัสดุและอุปกรณ์ส่วนใหญ่ให้ผิวสัมผัสในการใช้งานที่ดีขึ้นมาก ส่งถ่ายอารมณ์ของความหรูแบบผู้บริหารด้วยการเชื่อมโยงรูปแบบและพื้นผิวพวกสวิตช์ปุ่มปรับต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
All New Camry 2012 2.5G วางเครื่องยนต์ 4 กระบอกสูบ รหัส 2AR-FE พร้อมระบบวาล์วแปรผันไปตามความเร็วหรือ Dual-VVT-i มีปริมาตรความจุ 2.5 ลิตรหรือ 2,494 ซีซี เป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เน้นแรงบิดรอบต่ำและการบริหารเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ วิศวกรของ Toyota ทำการรวบรวมข้อด้อยของเครื่องในตัวรถรุ่นที่แล้วมาปรับแก้ เพื่อทำให้เครื่องตัวใหม่มีสมรรถนะที่สูงขึ้น พร้อมปริมาตรความจุที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก 100 ซีซี จากขนาด 2.4 ลิตรมาเป็น 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 188 กิโลวัตต์หรือ 181 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 231 นิวตันเมตรหรือ 23.6 กิโลกรัม/เมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังในรุ่น 2.5G เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดรุ่นล่าสุดอีกเช่นกัน ชุดส่งกำลังแบบใหม่นี้ใช้กลไกแบบ Sequential Shift มีตำแหน่ง + - ให้ผู้ขับได้สับเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวเอง ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง เหล็กกันโคลงและโช้คอัพ ส่วนชุดกันสะเทือนด้านหลังใช้แบบอิสระดูอัลลิงค์สตรัท พัฒนามาเพื่อการขับขี่ที่กระชับ และให้อารมณ์ของการขับขี่แตกต่างจากตัวรถรุ่นที่แล้วพอสมควรเลยทีเดียว ระบบบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยไฟฟ้าอีเล็คโทร-ไฮดรอลิกเพื่อลดการกินกำลังของ เครื่องยนต์ พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ EPS- Electronic Power Steering ระบบเบรกใช้ดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมจานเบรกแบบระบายความร้อน ระบบช่วยเบรก ABS Anti Lock Braking System ป้องกันล้อล็อก / EBD Electronic Brake Force Distribution กระจายแรงเบรกอย่างเหมาะสม / BA Brake Assist เพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกสำหรับการเบรกแบบฉุกเฉิน และระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSC Vehicle Stabillity Control ทำงานร่วมกับพวงมาลัยไฟฟ้า ESP ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC - Traction Control ระบบออกตัวบนทางลาดชัน HAC - Hill-Start Assist Control เซนเซอร์สัญญาณเตือนการเข้าใกล้วัตถุกีดขวางรอบคัน
ระบบป้องกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุใน All New Camry 2012 ประกอบด้วยโครงสร้างนิรภัย GOA คานนิรภัยที่บานประตูทั้ง 4 ถุงลมนิรภัยของผู้โดยสารและคนขับตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ฝากระโปรงแบบดูดซับแรงกระแทก Impact Absorbing Structure For Pedestrians ระบบความปลอดภัยรองรับคนเดินถนนตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา ลดการบาดเจ็บของคนเดินถนนในกรณีที่ถูกชน โดยที่ฝากระโปรงด้านหน้าจะยุบตัวทันที พร้อมดูดซับแรงกระแทกเพื่อลดการบาดเจ็บ ระบบป้องกันการบาดเจ็บที่บริเวณต้นคอหากถูกชนท้าย พนักพิงเบาะนั่งด้านหน้าออกแบบพิเศษ เพื่อให้ความกระชับของแผ่นหลัง โดยสามารถปรับระดับของความยืดหยุ่นได้ ระบบป้องกันศีรษะของผู้โดยสาร Head Impact Protection Structure.
ติดตามอ่าน ทดลองขับ All New Toyota Camry 2.5G ได้ในตอนต่อไปครับ
Toyota New Camry 2.5G 2012 Specifications
แบบ....................................................ซีดานขนาดกลาง 4 ประตู
ผู้ผลิต..................................................Toyota Motor Japan
เครื่องยนต์..........................................เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE
ปริมาตรความจุ...................................2,494 ซีซี
กระบอกสูบxช่วงชัก............................90.0มิลลิเมตรx98.0มิลลิเมตร
วาล์ว..................................................4 วาล์วต่อ 1 กระบอกสูบ=16วาล์ว ระบบ Dual-VVT-i
อัตราส่วนกำลังอัด.............................10.4:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง.............................หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI
แรงม้าสูงสุด......................................181 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด......................................231 นิวตันเมตรที่ 4,100 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง.....................................เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Sequential
ระบบรองรับ
ด้านหน้า............................................อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพ เหล็กกันโคลง
ด้านหลัง............................................อิสระ ดูอัลลิงค์ สตรัท
ล้อและยาง........................................อัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง Bridgestone รุ่น Turanza ขนาด 215 /55/R17 ทั้งสี่ล้อ
ระบบบังคับเลี้ยว...............................แรคแอนพีเนียนพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า EPS
มิติตัวถัง
ความกว้าง........................................1,825 มิลลิเมตร
ความยาว..........................................4,825 มิลลิเมตร
ความสูง............................................1.470 มิลลิเมตร
ความยาวช่วงล้อ...............................2,775 มิลลิเมตร
ระดับความสูงจากพื้นถึงชายล่าง......160 มิลลิเมตร
น้ำหนัก..............................................1,470 กิโลกรัม
ความจุถังเชื้อเพลิง............................70 ลิตร
สีตัวถัง
-True Blue Mica Metallic (สีใหม่ล่าสุดเฉพาะรุ่น Hybrid)
-White Pearl Crystal เฉพาะรุ่น Hybrid
-Attitude Black Mica (สีใหม่ล่าสุด)
-Beige Metallic
-Sliver Metallic
-Medium Sliver Metallic
-Gray Metallic
ราคา
-2.5G............................................................1,499,000 บาท
-2.0G............................................................1,299,000 บาท
-2.5 Hybrid DVD Navi................................1,869,000 บาท
-2.5 Hybrid DVD.........................................1,699,000 บาท
-2.5G Hybrid CD.........................................1,649,000 บาท
Arcom rounsuwan
E-Mail
Facebook
99
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / เดินทางปลอดภัย...เตรียมตัวให้พร้อม
เมื่อ: เมษายน 15, 2012, 01:55:06 AM
เมื่อเข้าสู่ช่วงสงกรานต์ ก็หมายถึงเทศกาลการเดินทางเริ่มขึ้น ท้องถนนมีปริมาณรถเพิ่มกว่าปกติหลายเท่าตัว ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้น แต่ก็ป้องกันได้ ถ้าหากว่าเราเตรียมตัว เตรียมรถให้พร้อม
เริ่มที่คนจะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ หากเหนื่อยล้า หรือง่วงควรเปลี่ยนมือ ถ้าไม่มีใครเปลี่ยน ควรพักผ่อน และพยายามอย่ามุ่งมั่นไปที่ปลายทางเพียงอย่างเดียว
และใครที่มีเพื่อนหรือญาติกำลังเดินทาง ก็อย่าพยายามนัดหมายเวลาถึงจุดหมาย หรือเร่งรัด ควรยึดแนวทางว่า ถึงเมื่อไรก็เมื่อนั้น
ทางด้านตัวรถ ตรวจดูยาง มีร่องรอยสึก บวม ดอกยางสึกเกินมาตรฐาน หรือไม่ วัดลมยางให้พอดี และหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก ควรเพิ่มแรงดันมากกว่าปกติ 2-3ปอนด์ และก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับยางอะไหล่ด้วย
ระบบเบรก ช่วงล่าง น้ำมันหล่อลื่นในจุดต่างๆ ระบบทำความเย็น ตรวจดูให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน อุปกรณ์ประจำรถ ตรวจดูชุดเครื่องมือว่ายังอยู่ดี สายพ่วง สายลาก ควรจะมีติดรถเอาไว้ มองกันในแง่ดี ว่าเอาไว้ช่วยคนอื่น หาไฟสปอตไลท์สักดวง หรือไฟฉายคุณภาพดีๆ สักกระบอก
เสื้อผ้าสำรอง ผ้าเช็ดตัว น้ำและอาหาร เทศกาลอย่างนี้ อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจกระเพาะ ไม่มีใครรู้ว่าสภาพจราจรจะหนาแน่นแค่ไหน น้ำมันเชื้อเพลิง มีโอกาสก็ควรจะเติมให้เต็มถังทุกครั้ง แม้จะทำใจยากเพราะแพงเหลือเกิน รวมไปถึงยาสามัญประจำรถ จะติดเอาไว้ก็ไม่เสียหาย ประเภทยาดม ยาทาแก้ปวด ยาแก้ไข้ ยาแดง ทิงเจอร์
เงินสด ก็เป็นสิ่งสำคัญ อย่าตั้งความหวังกับบัตรพลาสติกมากเกินไป ร้านข้าวแกงจานเด็ดอาจจะกำลังอยู่ระหว่างรอเครื่องรูดบัตรมาลงที่ร้าน
ส่วนการขับรถก็ต้องเริ่มจากการนั่งให้ถูกวิธี จะช่วยป้องกันการเหนื่อยล้าได้ ตำแหน่งมือต้องควบคุมพวงมาลัยได้ดี เท้าเหยียบเบรกหรือคลัตช์ได้สุด โดยเข่ายังงอเล็กน้อย และต้องมองเห็นทัศนวิสัยที่ชัดเจนรอบด้าน รักษากฎจราจรอย่างเคร่งครัด รักษาระยะห่างกับคันหน้า คันหลัง และคันข้างๆ ให้พอเหมาะ อย่าขับจี้ใคร และอย่าให้ใครมาขับจี้ ไม่ได้หมายความว่าให้เร่งเครื่องยนต์หนี แต่หลบให้เขาแซงไป
ถนนที่รถมาก และไม่รู้ว่าใครมีความพร้อมทางร่างกายแค่ไหน เราสามารถที่จะช่วยเขาให้ตื่นตัวได้จากหลายๆ สิ่ง รวมถึงไฟเบรก โดยนึกถึงหลักพื้นฐานว่ารถคันหลังเห็นไฟเบรกได้เร็วเท่าใด ความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้เบรกล่วงหน้า หากเห็นว่าข้างหน้ามีสิ่งกีดขวาง หรือมีสัญญาณไฟ แม้จะรู้สึกว่ายังไม่ถึงระยะเบรกก็ตาม โดยกดน้ำหนักลงไปที่แป้นเบรกพอให้ไฟเบรกเริ่มทำงาน แต่ผ้าเบรกยังไม่จับกับจานเบรก
บ้านเรามีวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง คือ Me Too คือเห็นคนอื่นทำก็ทำบ้าง รวมถึงการแซงซ้ายหรือไหล่ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง
ทางแยกเป็นจุดอันตราย ไม่ว่าจะมีสัญญาณไฟหรือไม่ก็ตาม เมื่อเห็นทางแยกจำไว้ว่าต้องลดความเร็วลง แม้ว่าจะได้สัญญาณไฟเขียว ยึดแนวคิดที่ว่ารถด้านอื่นอาจฝ่าไฟแดง พยายามมองไปไกลๆ ในเส้นทางของทุกแยก ดูว่าพฤติกรรมของรถต่างๆ เป็นอย่างไร
และ
หากกว่าต้องการขับตรงข้ามทางแยก อย่าเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เพราะทำให้รถที่อยู่ด้านซ้ายหรือขวา เข้าใจผิดคิดว่าจะเลี้ยว เนื่องจากมองไม่เห็นไฟอีกด้านหนึ่ง และก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
นอกจากทางแยกแล้ว ทางร่วม หรือจุดจอดรถต่างๆ ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น ร้านอาหาร สถานีบริการน้ำมัน เพราะอาจจะมีผู้ที่ขับพรวดพราดออกมาได้ และไม่แต่เพียงระมัดระวังรถที่จะออกมาเท่านั้น แต่ผู้ที่ร่วมถนนมากับเราก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะมีบ้างที่บางคนเพิ่งนึกได้ว่า หิว เพิ่งนึกได้ว่าน้ำมันหมด ก็จัดแจงเบรกแบบลึกๆ หรือปาดจากเลนขวาเข้ามาเลนซ้ายทันที ดังนั้นเมื่อเห็นป้ายสถานีบริการแต่ไกล ก็เริ่มต้นเพิ่มการระมัดระวังให้มากขึ้น
“ซื้อขายริมทาง เสี่ยงทั้งชีวิต ผิดทั้งกฎหมาย” ป้ายของทางราชการที่ไม่ค่อยเชื่อฟัง และก็คงห้ามได้ยาก เอาเป็นว่าถ้าหากจำเป็นจริงๆ ควรหาร้านที่มีพื้นที่จอดที่ปลอดภัยเพียงพอ คือ อยู่นอกถนน เพราะอย่าลืมว่าการจอดบนไหล่ทาง ก็อาจจะเจอคนที่ชอบแซงไหล่ทางมาทักทายเอาได้
ขอให้เดินทางปลอดภัย และมีความสุขกับเทศกาลปีใหม่ไทยทุกคนครับ
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
100
สาระความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน / เตือนระวังขับรถช่วงเทศกาลสงกรานต์เสี่ยงอุบัติเหตุ
เมื่อ: เมษายน 15, 2012, 01:53:50 AM
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชนที่ขับรถทางไกลช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อขับผ่านเส้นทางที่มีการเล่นน้ำ และขับรถเล่นน้ำในเส้นทางที่กำหนดให้เป็นพื้นที่เล่นน้ำเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและอุบัติภัยจากการเล่นน้ำสงกรานต์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่มีการใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีการเล่นน้ำสงกรานต์ จึงมีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าช่วงปกติ ประกอบกับคนส่วนใหญ่มักเพลิดเพลินกับการเล่นน้ำสงกรานต์ จนขาดความระมัดระวัง ทำให้เกิดอันตรายได้ เพื่อให้การเดินทางและการเล่นน้ำสงกรานต์เป็นไปอย่างปลอดภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะวิธีป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและอุบัติภัยจากการเล่นน้ำสงกรานต์ ดังนี้ อุบัติเหตุทางถนน กรณีขับรถทางไกล ก่อนเดินทาง ผู้ขับขี่ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือทานยาที่ทำให้มีอาการง่วงนอน ตรวจสอบรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน จัดเตรียมอุปกรณ์ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เช่น ยางอะไหล่ สายต่อแบตเตอรี่ สายลากจูง เป็นต้น ศึกษาและเลือกใช้เส้นทางที่ปลอดภัย ขณะเดินทาง ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถเร็ว ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถ หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามขับรถเองอย่างเด็ดขาด รวมทั้งไม่ขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน จอดรถพักในบริเวณที่ปลอดภัยทุก 150-200 กิโลเมตร หรือทุก 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการหลับในที่เป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
การขับรถผ่านเส้นทางที่มีการเล่นน้ำ ควรขับรถด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ขับรถเร็ว รักษาความเร็วให้เหมาะสม ไม่เปลี่ยนช่องทางไปมา เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นให้มากกว่าปกติ รวมถึงระมัดระวังกลุ่มคนและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เล่นน้ำริมข้างถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเฉี่ยวชน อุบัติภัยจากการขับรถเล่นน้ำ ผู้ขับรถเล่นน้ำ ควรขับรถเล่นน้ำในเส้นทางที่กำหนดให้เป็นพื้นที่เล่นน้ำเท่านั้น ไม่ขับรถเร็ว ก่อนออกรถ ควรตรวจสอบให้ผู้โดยสารกระบะหลังขึ้นรถให้เรียบร้อย ไม่บรรทุกเกินอัตราน้ำหนักที่กำหนด เพราะจะทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำได้
ที่สำคัญ ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างปลอดภัยและทันท่วงที จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน สำหรับผู้โดยสารที่เล่นน้ำท้ายกระบะ ไม่ควรนั่งบริเวณริมขอบหรือท้ายรถกระบะในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัว ระมัดระวังรถคันอื่นที่ขับเล่นน้ำ เพื่อป้องกันการถูกเฉี่ยวชน ไม่วิ่งขึ้นลงรถในขณะที่รถกำลังออกตัว เพราะอาจพลัดตกจากรถ และถูกรถคันหลังชนได้ ท้ายนี้ เพื่อความปลอดภัย ปภ. ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ส่วนผู้ขับรถเล่นน้ำสงกรานต์ให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่เพลิดเพลินกับการเล่นน้ำจนลืมความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
ที่มา : สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย